BAYกำไรโต 27%เป็น 8 พันลบ.Q3 รวม 9 เดือนโกย 2.3 หมื่นลบ.

HoonSmart.com>>”ธนาคารกรุงศรี”ชูกลยุทธ์เชิงรุกบริหารพอร์ตสินเชื่อและบริหารความเสี่ยง  หนุนกำไรสุทธิกว่า 8 พันล้านบาทไตรมาสที่ 3/65 รวม 9 เดือนกำไรทั้งสิ้น 23,322ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21%  รายได้ดอกเบี้ยโตตามสินเชื่อธุรกิจ ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิดีขึ้นมาอยู่ที่ 3.44% ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกลับมาอยู่ในระดับปกติ

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY)เปิดผลงานไตรมาสที่ 3/2565 มีกำไรสุทธิ 8,069.60 ล้านบาท เท่ากับ 1.10 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจำนวน 1,708 ล้านบาทหรือ 26.85% จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 6,361.56 ล้านบาทหรือ 0.86 บาทต่อหุ้น รวม 9 เดือนปีนี้กำไรทั้งสิ้น 23,321.63 ล้านบาทหรือ 3.17 บาท ลดลง 14.9%จากที่ทำได้ปีก่อนจำนวน 27,409.22 ล้านบาทหรือ 3.73 บาทต่อหุ้น เนื่องจากปีก่อนมีกำไรจากเงินลงทุนจากการขายหุ้นของ บริษัท เงินติดล้อ

ทั้งนี้กำไรสุทธิจากการดำเนินงานตามปกติ รวม 9 เดือนปีนี้ เติบโต 21.3% โดยมีปัจจัยหลักมาจากผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นที่กลับมาอยู่ในระดับปกติ และรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับการเติบโตของเงินให้สินเชื่อที่แข็งแกร่ง และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มสูงขึ้น

การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการลงทุน ส่งผลให้สินเชื่อเพิ่มขึ้น 3.9% หรือจำนวน 74,637 ล้านบาท จากสิ้นปี 2564 โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อธุรกิจ  ประกอบด้วย สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดใหญ่ และสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่เพิ่มขึ้น 6.0% และ 6.2% ตามลำดับ ขณะที่สินเชื่อเพื่อรายย่อยเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวที่ 1.6% สะท้อนกลยุทธ์การให้สินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบและรอบคอบระมัดระวัง ท่ามกลางภาวะหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้เงินให้สินเชื่อรวมเพิ่มขึ้น 3.9% กอปรกับการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินเชิงรุก เป็นปัจจัยหลักส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 3.44% จากระดับ 3.23%  มาจากการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ และการบริหารจัดการโครงสร้างและต้นทุนทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ

ด้านเงินรับฝาก ลดลง 3.7% หรือจำนวน 65,438 ล้านบาท จากสิ้นปี 2564 โดยมีปัจจัยหลักมาจากการลดลงของเงินรับฝากประจำ สอดคล้องกับกลยุทธ์ในการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินเชิงรุกของธนาคาร

รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากการดำเนินงานตามปกติ ลดลงจำนวน 2.3% หรือ 574 ล้านบาท หากรวมรายการพิเศษจากการบันทึกกำไรจากการขายหุ้นของเงินติดล้อในปี 2564 รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงจำนวน 11,302 ล้านบาท หรือ 31.3%

อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ จากการดำเนินงานตามปกติอยู่ที่ 43.4% อยู่ในระดับใกล้เคียงกับ 43.0%

อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL Ratio) อยู่ที่ 2.38% เมื่อเทียบกับ 2.20% ณ สิ้นปี 2564 จากนโยบายการจัดชั้นสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เชิงคุณภาพ ตอกย้ำนโยบายการบริหารจัดการความเสี่ยงที่เข้มงวดระมัดระวัง อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 175.0% เมื่อเทียบกับ 184.2%  อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (ของธนาคาร) อยู่ที่ 17.62% เทียบกับ 18.53%

นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ด้วยแรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและสภาวะแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจ ส่งผลให้กรุงศรีสามารถส่งมอบผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหลักมาจากผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นที่กลับมาอยู่ในระดับปกติ และการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ โดยยังคงดำเนินนโยบายการบริหารจัดการความเสี่ยงของกรุงศรีที่เข้มงวดระมัดระวัง

“ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากทิศทางเศรษฐกิจโลกที่เติบโตต่ำกว่าคาด เศรษฐกิจไทยยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและคาดว่าจะเติบโตในอัตรา 3.1% ในปีนี้ โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนมาจากภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนโดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ทั้งนี้ แนวโน้มการปรับนโยบายการเงินสู่ภาวะปกติ (Monetary Policy Normalization) อย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ แต่ยังสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ทั้งในภาคธุรกิจและรายได้ครัวเรือน กรุงศรีคาดว่าเงินให้สินเชื่อรวมจะเติบโตได้ตามขอบบนของกรอบเป้าหมายที่ 3-5% ของปีนี้”

ณ วันที่ 30 กันยายน 2565 กรุงศรี ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าในระบบเศรษฐกิจไทยจากมูลค่าสินทรัพย์ สินเชื่อและเงินรับฝาก และเป็นหนึ่งในสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบ (D-SIB) มีสินเชื่อรวม 1.97 ล้านล้านบาท เงินรับฝาก 1.71 ล้านล้านบาท และสินทรัพย์รวม 2.59 ล้านล้านบาท ขณะที่เงินกองทุนอยู่ที่ 297.13 พันล้านบาท หรือเทียบเท่า 17.62% ของสินทรัพย์เสี่ยง โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นของเจ้าของคิดเป็น 12.99%