HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดพุ่ง ดัชนีดาวโจนส์ดีดแรงกว่า 800 จุด ฟื้นตัวจากร่วงลงหลังรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค CPI ที่สูงเกินคาด ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 2.1% ด้าน “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวกฟื้นตัวแข็งแกร่งจากระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 13 ตุลาคม 2565 ปิดที่ 30,038.72 จุด เพิ่มขึ้น 827.87 จุด หรือ 2.83% ฟื้นตัวจากที่ร่วงลงหลังการรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค CPI ที่สูงเกินคาด
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,669.91 จุด เพิ่มขึ้น 92.88 จุด, +2.60%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,649.15 จุด เพิ่มขึ้น 232.05 จุด, +2.23%
การรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index) ที่สูงเกินคาดทำให้ตลาดร่วงลงไปก่อนที่จะเด้งขึ้น 1,500 จุดจากระดับต่ำสุด เพราะนักลงทุนเมินข้อมูลเงินเฟ้อ
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอ่อนตัวลง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลงมาต่ำกว่าระดับ 3.968% หลังจากปรับตัวขึ้นไปที่ 4.08% หลังการเผยแพร่ข้อมูลเงินเฟ้อ
กระทรวงแรงงานรายงาน ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 8.2% เมื่อเทียบรายปี สูงกว่า 8.1% ที่นักวิเคราะห์คาด ส่วนเมื่อเทียบรายเดือนเพิ่มขึ้น 0.4% สูงกว่า 0.3% ที่นักวิเคราะห์คาด
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 6.6% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1982 และสูงกว่า 6.5% ที่นักวิเคราะห์คาด และเมื่อเทียบรายเดือนเพิ่มขึ้น 0.6% เป็นเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง
กลุ่มพลังงานและธนาคานำการปรับขึ้น โดยหุ้นเชฟรอนเพิ่มขึ้น 4.85% หลังราคาน้ำมันพุ่ง ส่วนในกลุ่มธนาคาร หุ้นโกลด์แมน แซคส์บวก 3.98% หุ้นเจพีมอร์แกนเพิ่มขึ้น 5.56% นอกจากนี้หุ้นใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยทั้งแอปเปิล ไมโครซอฟต์ และกลุ่มผู้ผลิตชิป Nvidia และ Qualcomm ที่ปรับขึ้นก็มีส่วนหนุนตลาด
นักลงทุนมองว่าเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาดนี้อาจจะแตะระดับสูงสุดในเร็วๆนี้ โดยลิซ แอนน์ ซันเดอร์ส จาก Charles Schwab กล่าวว่า ข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุดอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่สูงกว่าคาดและจากนี้ไปก็จะเห็นเงินเฟ้อชะลอตัวลง อย่างไรก็ตามภาวะการซื้อขายยังผันผวนเพราะนักลงทุนยังวิเคราะห์ข้อมูลอื่นๆและรอการรายงานผลการดำเนินงานไตรมาสสาม
หุ้นเดลตาแอร์ไลน์บวก 1.92% บริษัทคาดว่าผลการดำเนินจากไตรมาสสี่จะเพิ่มขึ้น 9% จากระยะเดียวกันในปี 2019 จากความต้องการเดินทางทั้งในและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น
ด้านไมเคิล เพียร์ส จาก Capital Economics กล่าวว่า เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนกันยายน ทำให้คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)จะขึ้นดอกเบี้ย 0.7% ในการประชุมเดือนพฤศจิกายน ซึ่งขัดแย้งกับรายงานการประชุมที่เผยแพร่วันก่อนที่ระบุว่า เฟดอาจจะขึ้นดอกเบี้ยในขนาดนั้นในเดือนธันวาคมหรือหลังจากนั้น
ปีเตอร์ บุ๊ควาร์จาก Bleakley Advisory Group กล่าวว่า ตลาดคาดว่า fed funds rate จะขึ้นไปสูงถึง 4.9% ในเดือเมษายน แต่ก็เชื่อว่าเฟดคงไม่ขึ้นดอกเบี้ยถึง 1% ส่วนในเดือนพฤศจิกายนนั้นเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.75% และขึ้น 0.50% ในเดือนธันวาคม
คริส ซัคคาเรชลลี จาก Independent Advisor Alliance กล่าวว่า มีโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.75% สองครั้งภายในปีนี้ คือในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม ซึ่งทำให้ในสิ้นปีนี้ดอกเบี้ยจะขึ้นไปที่ 4.25 – 4.5%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้นฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี นำโดยกลุ่มเดินทางและสันทนาการที่บวก 3.9% แต่การซื้อขายผันผวนจากการเผยแพร่ข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯที่สูงเกินคาด ซึ่งทำให้คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะเร่งขึ้นดอกเบี้ย และจากรายงานว่ารัฐบาลอังกฤษกำลังปรับแผนลดภาษีจากที่ประกาศในเดือนก่อน
เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นมาที่ 1.126 ต่อดอลลาร์
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 389.15 จุด เพิ่มขึ้น 3.27 จุด, +0.85%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,850.27 จุด เพิ่มขึ้น 24.12 จุด, +0.35%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,879.19 จุด เพิ่มขึ้น 60.72 จุด, +1.04%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,355.58 จุด เพิ่มขึ้น 183.32 จุด, +1.51%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 1.84 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 89.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 2.12 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 94.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล