หุ้นปิดเช้าลบ 3.50 จุด วอลุ่มเทรดแผ่ว-บาทอ่อนค่ากดดัน

HoonSmart.com>> ดัชนีหุ้นปิดภาคเช้าที่ 1,567.07 จุด ลดลง 3.50 จุด วอลุ่มเทรดแผ่วลงเรื่อย ๆ ท่ามกลางกังวลเงินเฟ้อ-การขึ้นดอกเบี้ย ส่วนเงินบาทอ่อนค่าทะลุ 38 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ทำให้คนไม่กล้าเข้าลงทุนเท่าไร และตลาดยังไร้ปัจจัยใหม่หนุน รวมถึงต้องจับตาเงินเฟ้อสหรัฐที่จะออกมา 13 ต.ค.นี้ เป็นช่วงตลาดปิดทำการ แนวโน้มภาคบ่ายคาดแกว่งแคบ แนวรับ 1,560 แนวต้าน 1,580 จุด

ตลาดหุ้นวันที่ 11 ต.ค.2565 ดัชนีปิดภาคเช้าที่ระดับ 1,567.07 จุด ลดลง 3.50 จุด หรือ -0.22% มูลค่าการซื้อขาย 29,307.73 ล้านบาท โดยดัชนีขึ้นไปแตะ 1,569.13 จุด และต่ำสุด 1,559.22 จุด

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นเช้านี้ย่อตัวลงแล้วมีการดีดตัวขึ้นมาได้แม้จะยังเคลื่อนไหวในแดนลบในช่วงที่ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา และวอลุ่มเทรดโดยรวมก็ลดลงไปเรื่อย ๆ ท่ามกลางความกังวลเงินเฟ้อ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แต่ละสาขา ต้องการที่จะกดเงินเฟ้อให้เร็วที่สุด ส่วนเงินบาทเช้านี้อ่อนค่าทะลุ 38 บาทต่อเหรียญสหรัฐแล้ว ทำให้ไม่ค่อยมีใครกล้าที่จะลงทุนเท่าไร

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยจะปิดทำการในช่วงปลายสัปดาห์นี้ ซึ่งในช่วงวันหยุดเงินเฟ้อสหรัฐก็จะออกมา ดังนั้นตลาดคงจะแกว่งแคบในช่วง 1-2 วันก่อนหยุดระยะยาว และคืนนี้ให้จับตารายงานภาวะเศรษฐกิจของ IMF เป็นรายไตรมาส ซึ่งดูว่าจะปรับประมาณการเศรษฐกิจอย่างไร คิดว่าหากปรับลดประมาณการก็ไม่น่ากังวลมาก ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่

สำหรับแนวโน้มภาคบ่ายแกว่งแคบ โดยให้แนวรับ 1,560 จุด แนวต้าน 1,580 จุด

5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
CPALL ปิดที่ 55.25 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ -0.90% มูลค่าซื้อขาย 1,235.12 ล้านบาท
PTTEP ปิดที่ 169.50 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ -0.59% มูลค่าซื้อขาย 1,010.85 ล้านบาท
AOT ปิดที่ 71.75 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ -1.03% มูลค่าซื้อขาย 956.72 ล้านบาท
DELTA ปิดที่ 664.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ +0.30% มูลค่าซื้อขาย 922.76 ล้านบาท
SCC ปิดที่ 312.00 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ -0.32% มูลค่าซื้อขาย 753.85 ล้านบาท