HoonSmart.com>>ธนาคารกรุงเทพ มองเงินบาทช่วงไตรมาส 4/65 ยังมีโอกาสขึ้นทดสอบ 39-40 บาท แต่อาจจะไม่อ่อนค่าแรงเหมือนไตรมาส 3 จากเศรษฐกิจแข็งแกร่งขึ้น-เข้าช่วง High Season ท่องเที่ยว แนะทยอยซื้อเป็นไม้ ๆ ไป ส่วนผู้นำเข้าควรทำประกันความเสี่ยง ด้านเงินเฟ้อสหรัฐจับตาจะสูงขึ้นหรือไม่ ส่วนดอกเบี้ยเฟดยังคงขึ้นแรง 0.75% รอบนี้ ด้านค่าเงินบาทวันนี้ (11ต.ค.) อ่อนค่าปิด 38.16 บาท ต่างชาติขายบอนด์ 4 พันล้านบาท
นายธราวิชญ์ ประโ่ยชน์วิบูลย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า ทิศทางค่าเงินบาทในไตรมาส 4/2565 มองแนวต้านไว้ที่ 39-40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อาจจะไม่อ่อนค่าไปไกล เนื่องจากเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้น และเข้าสู่ช่วง High Season การท่องเที่ยวด้วย ทำให้เงินบาทไม่อ่อนค่าแรงเหมือนไตรมาส 3 แนะนำให้ทยอยซื้อเป็นไม้ ๆ ไป ซึ่งค่าเงินบาทอ่อนค่าจะกระทบกับผู้นำเข้าสินค้า (Import) ดังนั้นจึงควรทำประกันความเสี่ยงด้วยการซื้อฟอร์เวิร์ดเงินดอลลาร์สหรัฐ/เงินบาทไป
ทั้งนี้ ตลาดต่างรอดูเงินเฟ้อของสหรัฐที่จะออกมาในวันที่ 13 ต.ค.นี้ ซึ่งตลาดคาดเติบโต 8.1% ซึ่งต้องรอดูว่ายังมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้ภาครัฐของสหรัฐแจกเงินไปค่อนข้างมาก จนทำให้แรงงานไม่ค่อยจะกลับมาทำงานหลังโควิด-19 คลี่คลาย ส่งผลให้ต้องมีการปรับขึ้นค่าจ้างเพื่อให้แรงงานกลับมาทำงาน
สำหรับแนวโน้มการปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังปรับขึ้นแรงต่อไป รอบนี้คาดการณ์ว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% และช่วงปลายปีนี้คงจะปรับขึ้น 0.50%
ด้านค่าเงินบาทวันที่ 11 ต.ค.2565 นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทปิดที่ 38.16 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่า จากความกังวลเรื่องสงครามในยูเครน และสถานการณ์โควิด-19 ในจีน โดยเงินบาทเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับค่าเงินภูมิภาค ระหว่างวันเคลื่อนไหวในกรอบ 37.94 – 38.22 บาท/ดอลลาร์
“วันนี้บาทค่อนข้างผันผวน เนื่องจากมีเงินไหลออกจากตลาดพันธบัตร 4,000 กว่าล้านบาท และอาจมาจากการค้าทองคำที่ราคาลดลง”
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 38.00 – 38.25 บาท/ดอลลาร์
ทั้งนี้กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ซื้อตราสารหนี้สุทธิ 56,072 ล้านบาท ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 5 ปี ปิดที่ 2.7% เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน +0.08%