ดาวโจนส์ปิดลบ 346 จุด รอข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตร

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดลบ ดัชนีดาวโจนส์ร่วง 346 จุด ลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 นักลงทุนรอการรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรในคืนนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 69 เซนต์ ด้าน “โกลด์แมน แซคส์” ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายน้ำมันสิ้นปีนี้จาก 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เป็น 110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลหลังกลุ่มโอเปกและพันธมิตรปรับลดกำลังการผลิต “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 6 ตุลาคม 2565 ปิด 29,926.94 จุด ร่วงลง 346.93 จุด หรือ 1.15% ลดลงต่อเป็นวันที่ 2 ขณะที่นักลงทุนรอการรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์ ท่ามกลางความกังวลว่าที่เพิ่มมากขึ้นว่าการขึ้นดอกเบี้ยในเชิงรุกของธนาคารกลาง(เฟด)จะนำไปสู่การถดถอยทางเศรษฐกิจ

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,744.52 จุด ลดลง 38.76 จุด, -1.02%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,073.31 จุด ลดลง 75.33 จุด, -0.68%

ในช่วงแรกตลาดขานรับข้อมูลการขอรับสวัสดิการว่างงานที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด เพราะมีความหวังมากขึ้นว่าเฟดจะผ่อนคลายการขึ้นดอกเบี้ย แต่ปรับตัวลดลงหลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายออกมาให้ความเห็นตอกย้ำการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งยังส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้นด้วย

กระทรวงแรงงานรายงานการยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้น 29,000 รายเป็น 219,000 ราย สูงกว่า 203,000 รายที่นักวิเคราะห์คาด ขณะที่ข้อมูลในสัปดาห์ก่อนหน้าปรับลดลงมาที่ 190,000 รายต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นทะลุระดับ 3.8% อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี ซึ่งอ่อนไหวต่อนโยบายการเงินเพิ่มขึ้นไปที่ 4.2%

กระทรวงแรงงานจะรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนกันยายนในวันศุกร์ ซึ่งผลสำรวจนักวิเคราะห์ของดาวโจนส์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 275,000 ตำแหน่ง ซึ่งยังคงแข็งแกร่งแม้ลดลงจาก 315,000 ตำแหน่งในเดือนสิงหาคม ส่วนอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ 3.7%

เฟดต้องการเห็นข้อมูลการจ้างงานที่ลดลงอยางชัดเจนก่อนที่จะผ่อนคลายการขึ้นดอกเบี้ย

คริส เซนเยค จาก Wolfe Research กล่าวว่า หากการจ้างงานเดือนกันยายนจะลดลงกว่าคาด แต่ค่าจ้างจะเพิ่มขึ้น และยังคงทำให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้หากการจ้างงานเดือนกันยายนลดลงจริง และอาจจะส่งผลให้การคาดการณ์ของนักลงทุนที่ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยแรงนั้นลดลง แต่ยังมีข้อมูลเงินเฟ้อที่ต้องจับตาในวันที่ 13 ตุลาคม

นางลิซ่า คุก หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด กล่าวว่า ยังคงจำเป็นที่จะขึ้นดอกเบี้ยต่อเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อที่ออกนอกกรอบเป้าหมายระยะยาว 2% และต้องคงนโยบายการเงินตึงตัวไว้ระยะหนึ่งจนกว่าเงินเฟ้อจะลดลงมาที่กรอบเป้าหมาย รวมทั้งเธอยังสนับสนุนทิศทางนโยบายตึงตัว แต่ก็มีบางช่วงก็เหมาะสมที่ต้องทบทวน

นายนีล คาชคารี ประธานเฟดสาขามินนิอาโปลิสกล่าวว่า แม้มีความเสี่ยงว่าเฟดอาจจะขึ้นดอกเบี้ยมากไป แต่ก็ยังไม่ถึงจุดที่จะยุติการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อดึงเงินเฟ้อลง

นางลอเร็ตต้า เมสเตอรประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์กล่าวว่า สหรัฐฯยังคงเจอเงินเฟ้อที่สูงในระดับที่ยอมรับไม่ได้

กลุ่มพลังงานเป็นกลุ่มเดียวที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบยังสูงขึ้นต่อเนื่อง

นักลงทุนยังจับตาการรายงานผลประกอบการไตรมาสสามของกลุ่มธนาคารที่จะเริ่มขึ้นในสัปดาห์หน้า นำโดย 4 ธนาคารใหญ่ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่ายังคงแข็งแกร่ง จากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มสาธารณูปโภคที่ลดลง 1.9% หลังรายงานการประชุมล่าสุดของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้เพิ่มความวิตกเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อในยูโรโซน และการดำเนินนโยบายการเงินเชิงรุก ขณะที่การรายงานข้อมูลค้าปลีกที่อ่อนแอยิ่งเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

รายงานการประชุมวันที่ 7-8 กันยายน บ่งชี้ว่า ผู้กำหนดนโยบายมีความวิตกว่า เงินเฟ้ออาจยังคงอยู่ที่ระดับสูงมากต่อเนื่อง ซึ่งจำเป็นต้องดำเนินนโยบายการเงินเชิงรุกแม้จะส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวก็ตาม

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 396.35 จุด ลดลง 2.56 จุด, -0.64%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,997.27 จุด ลดลง 55.35 จุด, -0.78%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,936.42 จุด ลดลง 49.04 จุด, -0.82%,

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,470.78 จุด ลดลง 46.40 จุด, -0.37%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 69 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 88.45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 1.05 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 94.42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

โกลด์แมน แซคส์ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายน้ำมันจาก 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เป็น 110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในสิ้นปีนี้ หลังกลุ่มโอเปกและพันธมิตรปรับลดกำลังการผลิต