HoonSmart.com>>เจ เวนเจอร์ส มองแนวโน้มตลาด NFT (Non-Fungible Token) ยังเติบโตอีกมาก เผยคนไทยใช้ NFT มากที่สุดในโลก 5.65 ล้านคน แบรนด์ยักษ์ใหญ่มองเป็นโอกาสเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจ พร้อมเดินเกมรุกส่ง JNFT เจาะตลาดในรูปแบบ B2B ต่อเนื่อง ชี้ปี 66 เร่งขยายฐานพันธมิตรที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อสร้างอีโคซิสเต็มโตแข็งแกร่ง
นายธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า แม้ว่าปีนี้ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี และ NFT จะมีความผันผวน หรือภาวะตลาดหมี แต่เจเวนเจอร์สยังมองว่าแนวโน้มของตลาด NFT ในภาคธุรกิจมีโอกาสเติบโตอีกมาก สะท้อนได้จากหลายธุรกิจได้นำ NFT เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการวางกลยุทธ์ทางการตลาดให้กับแบรนด์ มีหลายแบรนด์ดังที่เข้าสู่วงการ NFT และเปิดธุรกิจใน Metaverse เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ รวมถึงการสร้างชุมชนของแฟนคลับให้ขยายฐานออกไปกว้างมากขึ้น รองรับการเติบโตของกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบเทคโนโลยี
“เทคโนโลยีบล็อกเชนและแพลตฟอร์มที่เจ เวนเจอร์สได้พัฒนาขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น JFIN Chain ซึ่งเป็นบล็อกเชนของเราเอง หรือ JNFT Marketplace แพลตฟอร์ม NFT ที่พร้อมใช้งาน ปีที่ผ่านมาเราได้พัฒนา Infrastructure ให้พร้อมรองรับทุกการเติบโต เพื่อสร้างให้เกิดอีโคซิสเต็มของ NFT กับพันธมิตรของเรา ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจ หรือรัฐวิสาหกิจ ที่จะทำให้การใช้ NFT เป็นมากกว่าแค่เพียงสร้างงานให้เกิดการสะสม หรือซื้อขาย และธุรกิจเองก็จะได้ใช้เทคโนโลยีนี้ให้เป็นมากกว่าของสะสม หรือกิจกรรมทางการตลาดเท่านั้น แต่จะเป็นทั้ง Loyalty Program หรือการจัดอีเวนต์ทุกรูปแบบ และที่สำคัญถือเป็นอีกส่วนในการขับเคลื่อนองค์กรให้เป็น DX หรือ Digital Transformation อีกด้วย ” นายธนวัฒน์ กล่าว
จากสถิติจำนวนผู้ใช้ NFT ทั่วโลกในปีที่ผ่านมา รวบรวมโดย Statista ปรากฏว่า ประเทศไทยมีจำนวนผู้ใช้ NST มากที่สุดในโลกด้วยจำนวนผู้ใช้ 5.65 ล้านราย ตามมาด้วยบราซิล 4.99 ล้านราย สหรัฐอเมริกา 3.81 ล้านราย จีน 2.68 ล้านราย และเวียดนาม 2.19 ล้านราย
นายวรพจน์ ธาราศิริสกุล Chief of Technology บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า เทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามามีบทบาทในทุกส่วนของชีวิตประจำวัน ทำให้ภาคธุรกิจเองได้นำเอา NFT เข้ามาใช้ในกิจกรรมทางการตลาดมากขึ้น ด้วยความพร้อมของ JNFT ที่พัฒนาแพลตฟอร์มบน JFIN Chain ทำให้ช่วงไตรมาสที่ผ่านมา เราได้ร่วมกับพันธมิตรนำเอา NFT เข้ามาใช้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งในเรื่องของการตลาด การสร้างยอดขาย การทำกิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์ รวมถึงการนำเอาเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้เป็นเครื่องมือช่วยสร้างความมั่นใจ และความโปร่งใสของการทำธุรกรรมด้วย
ที่ผ่านมา JNFT โดย บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด ได้ร่วมมือกับองค์ธุรกิจชั้นนำระดับประเทศในการสร้างประสบการณ์ด้าน NFT ที่หลากหลาย ได้แก่
– Index Creative Village: ใช้ Immersive Experience หรือ รูปแบบการสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ ที่น่าตื่นเต้น เร้าใจแก่ผู้ใช้งาน ผ่านการจัดคอนเสิร์ต NFT มีการออก NFT เป็นคอลเลคชั่นเพื่อการสะสม
– บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด: สร้าง NFT Stamp ครั้งแรกของอาเซียน เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 140 ปี โดย JNFT เป็นผู้สร้างระบบการใช้งาน เพื่อช่วยเสริมสร้างประสบการณ์การสะสมแสตมป์ที่แตกต่างจากเดิมเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัล
– บริษัท เจมาร์ท โมบาย จำกัด: ออก Jaybird NFT Collection 2022 เป็นของพรีเมียมที่ไม่ซ้ำใคร จำนวน 7,777 ชิ้น แจกให้ลูกค้าภายใต้คอนเซ็ปต์ “Enjoy MetaWorld”
– Pixel Paint ผู้เชี่ยวชาญในวงการศิลปะเมืองไทย: ร่วมมือกับโครงการ Portraits by Sakwut เพื่อนำเอา NFT มาใช้เป็นสื่อกลางในการสร้างประสบการณ์การซื้อขายสิทธิ์ เพื่อยืนยันว่าใครคือผู้ที่ซื้อ เพื่อยืนยันตัวตนในการรับรูปภาพ ซึ่งผู้ซื้อจะได้เห็นลายเส้นของอาจารย์ศักดิ์วุฒิที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นมาในแต่ละขั้นตอนจนกลายเป็นภาพวาดที่สมบูรณ์ เรียกได้ว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ที่เจ้าของภาพ จะได้เห็นการสื่อความหมายของแต่ละลายเส้นของศิลปินผู้วาด
“สำหรับเป้าหมายของ JNFT ในปี 2566 เราตั้งเป้าที่จะขยายความร่วมมือระหว่างธุรกิจต่อธุรกิจ (B2B) เพื่อนำเอา NFT เข้าสู่ธุรกิจและองค์กรในรูปแบบต่าง ๆ อีกทั้งยังเน้นย้ำในการร่วมสร้างอีโคซิสเต็มทางธุรกิจ เนื่องจากเทคโนโลยี NFT จะต้องนำพาผู้ใช้งานให้เข้าถึงการทำงานที่แท้จริง ดังนั้น เราจะไม่จำกัดตัวเอง พร้อมเปิดรับทุกพันธมิตร และคอมมูนิตี้ที่สนใจ เพื่อให้สังคม NFT และบล็อกเชนเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน” นายวรพจน์ กล่าวเสริม