เบทาโกร เคาะราคา IPO หุ้นละ 40 บาท เปิดจอง 10-17, 20-25 ต.ค.

HoonSmart.com>>”เบทาโกร” เสนอขายหุ้น IPO จำนวน  434.8 ล้านหุ้น จัดให้ผู้ลงทุนในต่างประเทศรวมประมาณ 107,195,000 หุ้น ราคา 40 บาท/หุ้น เทียบเท่ากับ P/E 21.9 เท่า ต่ำกว่า CPF อยู่ที่ 25 เท่า TFG 20.69 เท่า และ GFPT 27.3 เท่า

บริษัทเบทาโกร (BTG) กำหนดราคาเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 434.8 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 40 บาท จากมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท กำหนดเปิดจองซื้อ 2 ช่วงวันที่ 10-17 ต.ค.2565 และ วันที่ 20-25 ต.ค.65

การเสนอขายหุ้นที่ราคา 40 บาทต่อหุ้น หากพิจารณากำไรสุทธิ ในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง (ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.64-30 มิ.ย.65) เท่ากับ 3,650.1 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้น 1,934.8 ล้านหุ้น จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.89 บาท และ P/E ประมาณ 21.2 เท่า แต่หากภายหลังจากการเสนอขายหุ้นครั้งนี้มีจำนวนหุ้น 2,000 ล้านหุ้น (มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) กำไรสุทธิต่อหุ้น  1.83 บาทต่อหุ้น และ P/E ประมาณ 21.9 เท่า  ซึ่งบริษัทเทียบเคียงบริษัท 3  แห่งที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจที่คล้ายคลึงหรือใกล้เคียงกัน ได้แก่ บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) อยู่ที่ 25 เท่า, บริษัทไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) 20.69 เท่า และบริษัทจีเอฟพีที (GFPT) 27.3 เท่า

ส่วนการเปิดให้จองซื้อหุ้น สำหรับผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ บุคคลที่มีความสัมพันธ์ของบริษัทฯ และพนักงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย และผู้มีอุปการคุณ ในวันที่ 10-17 ต.ค.2565

ผู้ลงทุนในต่างประเทศรวมประมาณ 107,195,000 หุ้น แบ่งเป็นผู้ลงทุนสถาบันที่จองซื้อในต่างประเทศ (ไม่รวมถึงผู้ลงทุนสถาบันที่เป็น Cornerstone Investors ที่จองซื้อในต่างประเทศ) 27,078,000 หุ้น และสถาบันที่เป็นผู้ลงทุนหลักโดยเฉพาะเจาะจง(Cornerstone Investors) 80,117,000 หุ้น วันที่ 20-25 ต.ค.2565 โดยมี บล.เกียรตินาคินภัทร และ บล.บัวหลวง เป็นปรึกษาทางการเงิน และ ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

ทั้งนี้ บริษัทจะให้สิทธิผู้จัดหาหุ้นส่วนเกินซื้อหุ้น เพิ่มทุนภายหลังการเสนอขายหุ้นที่จัดจำหน่ายเพื่อให้ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกินสามารถจัดหาหุ้นเพื่อส่งมอบคืนให้แก่ผู้ถือหุ้นที่ให้ยืมหุ้นเพื่อการจัดสรรหุ้นส่วนเกินเป็นจำนวนไม่เกิน 65.2 ล้านหุ้น

วัตถุประสงค์ที่จะใช้เงินจากการเสนอขายหุ้น IPO (ในกรณีที่ไม่มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกินทั้งจำนวน) 17,392 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนในการเข้าซื้อและ/หรือก่อสร้างฟาร์มและโรงงานแห่งใหม่ 8,000 ล้านบาท, ชำระหนี้ระยะสั้นและ/หรือระยะยาว 8,960-10,500 ล้านบาท ที่เหลือใช้เป็นทุนหมุนเวียน

เบทาโกร เป็นผู้ประกอบธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจรชั้นนำในประเทศไทย โดยครอบคลุมตั้งแต่การผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์ ผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์และสารเสริมสำหรับสัตว์ ปศุสัตว์ ผลิตภัณฑ์สุกรและสัตว์ปีก ไข่ไก่ อาหารแปรรูปที่เกี่ยวข้อง และอาหารสัตว์เลี้ยง รวมถึงการจัดจำหน่ายอุปกรณ์ฟาร์ม และการดำเนินงานด้านการค้นคว้าวิจัยและพัฒนาที่เกี่ยวข้อง
บริษัทมีรูปแบบการทำธุรกิจแบบครบวงจร  ที่ครอบคลุมในหลายด้านของห่วงโซ่คุณค่าของผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ  ตั้งแต่การผลิตอาหารสัตว์ การเพาะเลี้ยง และจำหน่ายพ่อแม่พันธุ์สัตว์ การทำฟาร์มเชิงพาณิชย์ การชำแหละและการแปรรูปเนื้อสัตว์ ไปจนถึงการขาย โรงงานผลิตและแปรรูปอาหารที่มีมาตรฐานสูงและมีประสิทธิภาพ

ผลิตภัณฑ์ที่วางขายภายใต้แบรนด์ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรม อาทิ แบรนด์ “BETAGRO” และ “S-Pure” สำหรับผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์อนามัย เนื้อสัตว์แปรรูป และอาหารแปรรูป, แบรนด์ “ITOHAM” สำหรับผลิตภัณฑ์ไส้กรอกเกรดพรีเมียม แบรนด์ “betagro” “Balance” และ “MASTER” สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ แบรนด์ “Better Pharma” และ “Nexgen” สำหรับผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์และสารเสริมสำหรับสัตว์ และแบรนด์ “Perfecta” “DOG n joy” และ “CAT n joy” สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง

 

อ่านต่อ

PCC เคาะราคา IPO หุ้นละ 4.00 บาท ขาย 10-12 ต.ค.65 เทรดต.ค.นี้