HoonSmart.com>>ต่างชาติพลิกซื้อหุ้นกว่า 2,594.90 ล้านบาท เก็บตราสารหนี้ไทย 1,889 ล้านบาท หลังดัชนีกระแทกลงแรงเกินไป หลุด 1,565 ตื่นกระแสเฟดเรียกประชุมฉุกเฉินคืนนี้ หึ่ง’เครดิตสวิส’เสี่ยงล้มละลาย “อังกฤษ”ถูกปรับลดแนวโน้มเครดิตเป็นเชิงลบ ด้านโพลล์นักวิเคราะห์มองเป้าไตรมาส 4 สูงสุดถึง 1,709 จุด ต่ำสุด 1,585 จุด ชู 4 หุ้นเด่น ADVANC-AOT-BBL-KBANK บล.ทรีนีตี้มองตลาดเดือนต.ค.แกว่งในกรอบ 1,550-1,650
วันที่ 3 ต.ค.2565 ตลาดหุ้นในภูมิภาคหลายแห่งปิดทำการ โดยเฉพาะจีนหยุดซื้อขายทั้งสัปดาห์ หุ้นไทยถูกถล่มยับถลาลงแรงปิดที่ 1,558.05 จุด ร่วง 31.46 จุดหรือ -1.98% ฝีมือสถาบันไทยเทกระจาด 13,412 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนไทยช้อน 9,253 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติกลับลำซื้อ 2,594.90 ล้านบาท และซื้อตราสารหนี้ 1,889 ล้านบาท อย่างไรก็ตามเงินบาทยังคงอ่อนค่าปิดที่ 38.09 ในทิศทางภูมิภาค
ตลาดหุ้นไทยที่ร่วงลงแรงเกินคาดการณ์ เกิดจากนักลงทุนกังวลการเรียกประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ในคืนนี้ จะพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยฉุกเฉิน แม้คนในวงการการเงินเตือนอย่าตื่นตระหนก การประชุมครั้งนี้เป็นปกติ นอกจากนี้ยังมีกระแสข่าวว่า เครดิต สวิส ธนาคารที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสวิตเซอร์แลนด์ เสี่ยงล้มละลาย หลังจากประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก หลังเข้าลงทุนและปล่อยกู้ให้กับบริษัทและกองทุนที่ล้มละลาย นอกจากนี้ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (S&P) ปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของอังกฤษที่ระดับ AA จากมีเสถียรภาพเป็นเชิงลบ เนื่องจากแผนการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ของนายกรัฐมนตรีอังกฤษจะทำให้หนี้สินของอังกฤษเพิ่มสูงขึ้น
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้ปรับตัวลงเช่นเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ติดลบ เหมือนกับตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ก็ปรับตัวลงกัน แต่ไทยเป็นหนึ่งในสองประเทศที่ร่วงแรง เวียดนามลงหนักกว่าไทย กังวลนักลงทุนต่างชาติได้พลิกกลับมาขายหุ้นไทย หลังจากที่ได้หันมาทำ Short ตลาดอนุพันธ์ ถึง 1 แสนสัญญาในสัปดาห์ที่แล้ว กลัวต่างชาติจะขายต่อ
แนวโน้มเงินบาทยังอ่อนค่าได้อีก จากที่ไทยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยน้อย และยังขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ส่งผลให้ต่างชาติลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา (FX) รวมไปถึงทางเทคนิคไม่มีสัญญาณซื้อ ตอนนี้ก็หลุดเส้น 200 สัปดาห์ที่ 1,565 จุด และก็มีแนวรับถัดไปที่ 1,550 จุด มองเป็นจุดวกกลับได้บ้าง
“ส่วนเรื่องเฟดจะมีการประชุมฉุกเฉินนั้น หากไปดูที่ผู้แทนกรรมการเฟดก็เห็นว่าเป็นการประชุมตามปกติ รงขายของต่างชาติอาจเป็นการปรับพอร์ตช่วงปลายปีก็ได้ จากความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว จากเฟดใช้ยาแรงในการเร่งขึ้นดอกเบี้ย ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า”
สำหรับหุ้น PTTEP ช่วยประคองตลาด หลังคาดหวังผลประชุมกลุ่มโอเปกพลัสที่จะมีขึ้น 5 ต.ค.นี้จะลดกำลังผลิตน้ำมัน ให้ติดตามสุนทรพจน์ของประธานเฟดที่จะออกมาอยู่เรื่อย ๆ รวมไปถึงกำไรของบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐที่จะทยอยประกาศออกมา
แนวโน้มตลาดหุ้นในวันที่ 4 ต.ค.นี้ ในช่วง 1-2 วันนี้ไม่ควรหลุดแนวรับ 1,550 จุด ถ้าหลุดแล้วจะปรับตัวลงเรื่อย ๆ รอบนี้ดัชนีฯมีโอกาสลงลึกสุดแถว 1,520-1,500 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,580-1,592 จุด
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ กล่าวถึงทิศทางการลงทุนเดือนต.ค. คาดแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1550-1650 จุด ในช่วงต้นเดือนอาจเผชิญอุปสรรคจากปัจจัยต่างประเทศเดิม ประเด็นการเข้มงวดนโยบายการเงินของเฟดแม้ยังมีนักลงทุนที่เหลืออีก 40% ยังไม่ได้มีการ Price in การขึ้นดอกเบี้ย 0.75% สำหรับการประชุมครั้งถัดไป หากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่จะออกมาในเดือนต.ค.บ่งชี้ไปในทิศทางเดียวกันถึงความร้อนแรงทางด้านเงินเฟ้อที่มาจากแรงผลักดันทางด้านอุปสงค์ มีความเป็นไปได้สูงที่ในช่วงแรกเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์สหรัฐฯจะปรับตัวขึ้นต่อ ซึ่งก็จะส่งผลกระทบทางอ้อมต่อตัวแปรสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ ได้
ในเชิงกลยุทธ์ แนะนำใช้กรอบดัชนี SET ที่ 1,570-1,580 จุดเป็นแนวรับแรก ส่วนแนวรับสำคัญมองที่บริเวณ 1,540-1,550 จุด สำหรับนักลงทุนที่ทยอยเพิ่มน้ำหนักมาก่อนหน้านี้ที่บริเวณ 1,600-1,610 จุด แนะนำถือครองหุ้นไว้ก่อนได้ โดยเฉพาะกลุ่ม Domestic cyclical ที่มองว่ายังคงปลอดภัยมากกว่ากลุ่ม Global cyclical ส่วนหมวดธุรกิจที่น่าสนใจอยู่ 5 หมวดได้แก่แบงก์ ,การเงิน,ประกัน,ไอซีทีและสื่อ โดยมี Top pick ได้แก่ KBANK, AEONTS, TIDLOR, TLI, ADVANC, DTAC, ONEE, PLANB รวมถึงหุ้นอีก 2 ตัวที่มีลุ้นเข้าสู่ดัชนี SET50 ในรอบถัดไปได้แก่ RATCH, COM7