แบงก์ขึ้นดบ.หนุนอัพไซด์กำไร 5-8% ตปท.ทิ้งหุ้น-บอนด์ 1.2 หมื่นลบ.บาทอ่อนต่อ

HoonSmart.com>>หุ้นกลุ่มธนาคารยืนแกร่ง ได้ประโยชน์จากแบงก์ทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยฝาก-กู้ตาม BBL บล.ดาโอคาดกนง.เดินหน้าเพิ่มดอกเบี้ยแตะ 2.00% ในปี 66 หนุนอัพไซด์กำไรสุทธิแบงก์ใหญ่ 5-8% ตลาดหุ้นเปิดรีบาวด์ตามต่างประเทศ ระหว่างวัน บอนด์ยีลด์สหรัฐพลิกมาขึ้นต่อ กดดันดาวโจนส์ล่วงหน้า หุ้นยุโรปและเอเชีย ร่วง หุ้นไทยลงทดสอบระดับ 1,600 อีกครั้ง ต่างชาติยืนขายต่อ 2 พันล้านบาท ทิ้งตราสารหนี้เฉียด 1 หมื่นล้านบาท

วันที่ 29 ก.ย. 2565 หุ้นกลุ่มแบงก์ โดยเฉพาะธนาคารขนาดใหญ่แข็งแกร่งกว่าตลาด หลังจากธนาคารกรุงเทพ (BBL) จุดพลุนำปรับขึ้นดอกเบี้ยทั้งเงินฝากและเงินกู้ ตลาดคาดแบงก์อื่นๆจะต้องขยับตาม ส่งผลให้ราคาหุ้นธนาคารยังคงบวกได้ สวนทางตลาดปรับตัวลง 6.86 จุดหรือ-0.43% ปิดที่ 1,592.37 จุด โดยบล.ดาโอ (ประเทศไทย) มีมุมมองเป็นกลางต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ของกนง. และคาดว่าจะปรับเพิ่มต่อ 0.25%ในวันที่ 30 พ.ย. เดินหน้าขึ้นอีก 3 ครั้งๆละ 0.25% ภายในครึ่งแรกปี 2566 ไปอยู่ที่ 2.00% จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.00% ซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่เป็นหลัก  คาดเป็น upside ต่อกำไรสุทธิของแบงก์ขนาดใหญ่อยู่ที่ 5-8% ภายใต้ base case ที่มีการใส่ credit cost ที่ 0.10% เพราะมีโอกาสที่จะเกิด NPLs เพิ่มมากขึ้นได้ในอนาคต

ส่วนธนาคารขนาดใหญ่ที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้นเรียงจากมาก-น้อย คือ BBL, KTB, KBANK และ SCB โดย BBL แนะนำ”ซื้อ”ราคาเป้าหมาย 167 บาท จะได้รับผลดีมากที่สุด ขณะที่กลุ่มธนาคารยังคงให้น้าหนัก “มากกว่าตลาด” เลือก KTB “ซื้อ”ราคาเป้าหมาย 18 บาท, KBANK “ซื้อ”ราคาเป้าหมาย 190 บาท เป็น Top pick

ด้านบล.โนมูระ พัฒนสิน ให้น้ำหนักกลุ่มธนาคารเป็น BULLISH หลังธนาคารกรุงเทพ ประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก และเงินกู้เพิ่มขึ้น  ทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น คาดว่าธนาคารอื่น ๆ จะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้-เงินฝาก เช่นกัน

“มองบวกต่อธนาคารขนาดกลาง-ใหญ่ KBANK, BBL, SCB, KTB หลัง BBL ปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 0.15-0.50% ต่อปี ”

บล.ทิสโก้ แนะนำ”ซื้อ”หุ้น BBL มูลค่าเหมาะสม 173 บาท เป็น Top picks คาด Outperform และแนวโน้มไตรมาส 3/65 น่าจะเห็นการเพิ่มขึ้นของผลกำไรอย่างเห็นได้ชัด จากการให้สินเชื่อธุรกิจที่แข็งแกร่ง และให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น ทั้งยังมีการลดค่าใช้จ่ายเครดิตที่อาจเป็นสิ่งที่เพิ่มเข้ามา

บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) แนะนำหุ้น BBL คาดแนวโน้มกำไรในช่วงครึ่งปีหลังยังเติบโตดี แรงหนุนจากยอดสินเชื่อปีนี้ที่คาดขยายตัว 4-6% ผสานกับ NIM มีแนวโน้มจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังจากทิศทางดอกเบี้ยที่สูงขึ้น  ล่าสุดมีการปรับดอกเบี้ยขึ้นแล้วอีกทั้งยังมีการตั้งสำรองในช่วงที่ผ่านมาในระดับสูงแล้ว

ด้านตลาดหุ้นวันที่ 29 ก.ย.2565 เช้าสดใสตามตลาดต่างประเทศรีบาวด์ หนุนดัชนีขึ้นสูงสุด 1,617.23 จุด แต่กลับเจอแรงขายกดดัชนีปิดที่ระดับ 1,592.37 จุด ลดลง 6.86 จุด หรือ -0.43% มูลค่าซื้อขาย 78,853.34 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศยังขายสุทธิ 2,105.36 ล้านบาท และขายตราสารหนี้ 9,936 ล้านบาท ทำให้เงินบาทปิด 38.15 บาท/ดอลลาร์ พลิกจากตอนตลาดเช้าเปิด 37.96 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวตามค่าเงินภูมิภาค หลังจากเงินดอลลาร์พลิกมาแข็งค่า และบอนด์ยีลด์กลับมาเพิ่มขึ้นต่อ

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้ปรับตัวขึ้นในช่วงเช้าได้ดี ตอบรับธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกาศซื้อพันธบัตรเพื่อรักษาเสถียรภาพตลาดการเงิน ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ และเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนตัวลง เม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงระยะสั้น แต่มองเป็นปัจจัยบวกแค่สั้น ๆ เนื่องจากไม่ได้เป็นทางแก้ระยะยาว ทำให้ช่วงบ่ายตลาดอ่อนตัวลงมาจากแรงขายทำกำไร หลังเงินดอลลาร์สหรัฐเริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้นอีก

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียช่วงบ่ายนี้บางตลาดติดลบ เช่นเดียวกับตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ปรับตัวลงแรงราว 1.5-2.0%  ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สที่ติดลบ อย่างไรก็ดี ยังมีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่จะต้องติดตามในวันพรุ่งนี้ (30 ก.ย.) อย่างเช่น ตัวเลขเงินเฟ้อของยูโรโซน และตัวเลข PCE ของสหรัฐ เป็นต้น

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในวันที่ 30 ก.ย.2565 ตลาดคงจะแกว่งตัวสร้างฐาน โดยมีแนวรับ 1,600 จุด แนวต้าน 1,610-1,615 จุด