TEGH ขึ้นแท่นหุ้นเมกะเทรนด์ เข้า SET หนุนฐานทุน ดัน 5 ปีรายได้พุ่งเท่าตัว

HoonSmart.com>>TEGH ขึ้นแท่นหุ้นเมกะเทรนด์ เข้า SET หนุนฐานทุน ดัน 5 ปีรายได้พุ่งเท่าตัว ตั้งเป้าหมายองค์กรแห่งความยั่งยืน ต่อเนื่อง รักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 

โรงงานผลิตยางแท่ง

ปัจจุบันทั่วโลกกำลังเปลี่ยนจากพลังงานฟอสซิลที่สร้างมลภาวะจากการปล่อยก๊าซคาร์บอน มาเป็นพลังงานสะอาด จึงถือเป็นเมกะเทรนด์ที่จะเติบโตในอนาคตช่วง 10 -20 ปีข้างหน้านี้ เพราะพลังงานสะอาด ไม่สร้างมลภาวะที่เป็นพิษให้กับธรรมชาติ และทุกวันนี้ผู้ประกอบการในทุกอุตสาหกรรมต่างให้ความสำคัญ และเร่งพัฒนากระบวนการผลิตโดยใช้พลังงานสะอาด เพราะได้ตระหนักถึงผลกระทบจากมลภาวะและสิ่งแวดล้อมที่กำลังถูกทำลาย รวมถึงเริ่มเห็นประโยชน์ของการใช้พลังงานสะอาด เพราะมีต้นทุนที่ถูกลงด้วย

บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH) ในฐานะผู้ผลิตและแปรรูปยางพารา และน้ำมันปาล์มรายใหญ่ในภาคตะวันออก และเป็นผู้ผลิตพลังงานทดแทนประเภทพลังงานชีวภาพแบบครบวงจรในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ซึ่งจะเน้นในการจัดทำอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ มุ่งเน้นเรื่องการเติบโตควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมและชุมชนอย่างสมดุล โดยมีเป้าหมายเป็นองค์กรที่สร้างเศรษฐกิจคาร์บอนสีเขียว (Green Carbon Economy) และเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral Organization) ภายในปี 2573

ทั้งนี้ TEGH เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีโอกาสการเติบโตสูง เนื่องจากภาพรวมของอุตสาหกรรมยางพารา และพลังงานทดแทนประเภทชีวภาพ มีแนวโน้มความต้องการมากขึ้น จึงมองเห็นโอกาสในการผลักดันให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยได้เลือกเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET)ในครั้งนี้

เฉลิม โกกนุทาภรณ์

ภายใต้แกนนำของ “เฉลิม โกกนุทาภรณ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ “สินีนุช โกกนุทาภรณ์” กรรมการผู้จัดการ TEGH ได้ร่วมกันผลักดันมาโดยตลอด ล่าสุดบริษัทฯได้เสนอขายหุ้นเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชน จำนวน 270 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกิน 25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดในราคาหุ้นละ 4.80 บาท และจะเข้าทำการซื้อขายใน SET วันที่ 30 กันยายน 2565โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า “TEGH” ในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดธุรกิจการเกษตร

“เฉลิม โกกนุทาภรณ์ “ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท กล่าวว่า กลุ่มบริษัทฯเป็นผู้นำการผลิตวัตถุดิบยางธรรมชาติและน้ำมันปาล์มดิบที่ยั่งยืน “Sustainable Material” โดยกลุ่มบริษัทมุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืนตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) มีการผลิตพลังงานทดแทนเพื่อใช้ในกระบวนการผลิต และการนำกากของเสียมาหมุนเวียนใช้ให้เกิดมูลค่าเพิ่มและเกิดประโยชน์สูงสุด ทำให้สินค้าของกลุ่มบริษัทจัดเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความยั่งยืน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco Product) ทั้งนี้ การเข้าระดมทุนและเข้าจดทะเบียนใน SET จะช่วยเพิ่มโอกาสการเติบโตของกลุ่มบริษัทได้อีกมาก เพราะทำให้มีแหล่งทุนเพิ่มศักยภาพในการขยายกำลังการผลิต ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันการเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืนต่อไป

สินีนุช โกกนุทาภรณ์

ขณะที่”สินีนุช โกกนุทาภรณ์” กรรมการผู้จัดการ TEGH กล่าวว่า ปัจจุบัน TEGH ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) มี 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1) ธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ 2) ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ และ 3) ธุรกิจด้านพลังงานทดแทนและบริหารจัดการกากอินทรีย์ ผ่านการดำเนินงานของบริษัทย่อยทั้งหมด 11 บริษัท และการร่วมค้า 1 บริษัท

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานย้อนหลังตั้งแต่ในปี 2562 2563 และ 2564 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการตามงบการเงินรวม เท่ากับ 8,091.40 ล้านบาท 8,196.25 ล้านบาท 11,087.76 ล้านบาท ตามลำดับ และงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 และ 2565 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการตามงบการเงินรวม เท่ากับ 5,214.6 ล้านบาท และ 7,536.8 ล้านบาท ตามลำดับ

คลังน้ำยางข้น

ในปี2562 2563 และ 2564 กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 52.65 ล้านบาท 37.65 ล้านบาท และ 562.64 ล้านบาท ตามลำดับ และสำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 และ 2565 กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 258.15 ล้านบาท และ 367.28 ล้านบาท ตามลำดับ

“ในครึ่งแรกของปี 2565 บริษัทฯมีกำไรสุทธิเติบโตสูงถึง 44.5%เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และประเมินว่าแนวโน้มราคายาง ยังคงอยู่ในระดับสูงหากเทียบกับราคาช่วงปี 2564 ดังนั้น ทำให้มั่นใจว่ายอดขายและรายได้ปีนี้ จะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ได้วางไว้”

“สินีนุช”เล่าให้ฟังว่า แผนการเติบโตระยะยาวช่วง 5 ปี (2565-69) บริษัทฯจะเร่งพัฒนา 3 ธุรกิจหลัก โดยธุรกิจผลิต และจำหน่ายยางธรรมชาติ มีแผนจะขยายกำลังการผลิตยางแท่งเพิ่มจากกำลังผลิตขนาด 241,294 ตันต่อปี ในปี 2564 เป็น 416,494 ตันต่อปีภายในปี 2567

ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ มีแผนปรับปรุงประสิทธิภาพและขยายกำลังผลิตจาก 473,040 ตันทะลายปาล์มต่อปีเป็น 735,840 ตันทะลายปาล์มต่อปี

ส่วนธุรกิจด้านพลังงานทดแทนและบริหารจัดการกากอินทรีย์ บริษัทจะขยายกำลังผลิตรับบริหารจัดการกากอินทรีย์จาก 600,000 ตันต่อปี สู่ 1,000,000 ตันต่อปี รวมถึงมีขยายกำลังผลิตไบโอแก๊สจาก 23 ล้านลูกบาศก์ต่อปี สู่ 67 ล้านลูกบาศก์ต่อปี ซึ่งจะเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับให้ TEGH ก้าวสู่การเป็น Organic Waste Management Hub ในพื้นที่ EEC

ท่อส่งไบโอแก๊ส

จากแผนการขยายกำลังการผลิตเพิ่มทั้ง 3 ธุรกิจสอดรับกับแนวโน้มของอุตสาหกรรมยาง และยางรถยนต์ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการได้รับอานิสงส์จากการปรับเปลี่ยนเป็นอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ช่วยสนับสนุนความต้องการใช้สินค้ามากขึ้น ดังนั้น บริษัทฯตั้งเป้าหมายในปี 2569 บริษัทฯจะมีรายได้รวมอยู่ที่ระดับ 22,000 ล้านบาท จากระดับ 11,000 ล้านบาทในปี 2564 หรือมีการเติบโตเท่าตัว และพร้อมที่จะก้าวสู่การเป็น Top 5 ของผู้ผลิตยางแท่งในประเทศไทย

ขณะเดียวกันได้ตั้งเป้าหมายที่จะเป็นองค์กรแห่งความยั่งยืน และมีการเติบโตต่อเนื่อง สามารถรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจ พร้อมกับการเป็นองค์กรที่ใช้พลังงานหมุนเวียนกับทุกผลิตภัณฑ์

นอกจากนี้ TEGH มีแผนที่เน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า โดยเฉพาะในส่วนของพลังงานทดแทนที่สามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และบริษัทยังคงมองหาพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจเพิ่มเติม ที่จะเข้ามาร่วมต่อยอดสินค้าและเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน

“ที่ผ่านมาบริษัทฯมีพันธมิตรทางธุรกิจระดับโลกในส่วนของยางล้ออย่าง Sumitomo Rubber Industries ของประเทศญี่ปุ่น และ Sime Darby Oils ของมาเลเซียในส่วนธุรกิจปาล์มน้ำมัน และในอนาคตมองเห็นโอกาสที่จะหาพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มเติม เพื่อมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้ามาต่อยอดจากสิ่งที่บริษัทฯมีอยู่แล้ว และสิ่งสำคัญคือการที่พันธมิตรจะสามารถใช้พลังงานสะอาดในกระบวนการผลิตร่วมกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์เรื่อง Carbon Neutral ในอนาคตอีกด้วย”

จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่า TEGH ถือเป็นหุ้นยั่งยืนอนาคตไกล และเป็นหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่เป็นเมกะเทรนด์ของโลก ซึ่งจะมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และพร้อมที่จะสร้างอัตราผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างแน่นอน


อ่านข่าว

เซียนระดมเคาะเป้า TEGH 8 บาท ธุรกิจ ESG หนุนเติบโตยาว