ดาวโจนส์ปิดร่วง 486 จุด ต่ำสุดในรอบปี 65 กังวลเศรษฐกิจถดถอย

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดิ่ง ดัชนีดาวโจนส์ร่วง 486 จุด กว่า 1.62% ดัชนี S&P500 ลดลง 1.72% Nasdaq ลบ 1.80% นักลงทุนวิตกหนักเศรษฐกิจโลกจะถดถอย หลังมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยทั่วโลก ค่าเงินหลายสกุลผันผวนกระทบตลาดเงินอย่างหนัก ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วง 4.75 ดอลลาร์ -5.7% ปิด 78.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล Brent ลดลง 4.8% ด้าน “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ 2%

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 23 กันยายน 2565 ปิดที่ 29,590.41 จุด ร่วงลง 486.27 จุด หรือ 1.62% เป็นการปิดลบที่ระดับต่ำสุดของปี 2022 จากความวิตกที่มากขึ้นว่าเศรษฐกิจโลกจะถดถอย หลังจากมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยทั่วโลกและค่าเงินหลายสกุลผันผวน และจะกระทบตลาดเงินอย่างหนัก

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,693.23 จุด ลดลง 64.76 จุด, -1.72%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,867.93 จุด ลดลง 198.88 จุด, -1.80%

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 4% และปิดต่ำกว่าระดับ 30,000 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายน มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ลดลงกว่า 826 จุด ใกล้จะเข้าสู่ตลาดหมี และลดลงกว่า 20% จากระดับปิดสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 36,799.65 เมื่อวันที่ 4 มกราคม ส่วนดัชนี S&P500 ลดลง 4.6% และดัชนี Nasdaq ลดลง 5.1%

ควินซี ครอสบี จาก LPL Financial กล่าวว่า ชัดเจนว่าความกังวลของตลาดเปลี่ยนจากเงินเฟ้อมาที่การดำเนินนโยบายเชิงรุกของธนาคารกลาง(เฟด) และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับขึ้นไปที่ระดับที่ไม่ได้เห็นมาเป็นปี สะท้อนแนวคิดที่ว่าเฟดจะดูแลเสถียรภาพราคาได้อย่างไรโดยไม่มีผลกระทบต่อด้านอื่น นอกจากนี้ภาพรวมทั่วโลกก็ปั่นป่วนซึ่งตลาดกำลังวิเคราะห์

ด้านเดิร์ก วิลเลอร์ จาก Citi ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ความน่าจะเป็นที่เศรษฐกิจสหรัฐฯจะถดถอยในปี 2023 สูงขึ้นจากการดำเนินนโยบายการเงินเข้มงวดของเฟด

โนมูระปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจจีนปี 2023 ลงมาที่ 4.3% จาก 5.1% เป็นผลจากการใช้นโยบาย Covid-zero ต่อเนื่องมานาน ก่อนหน้านี้โกลด์แมน แซคส์ลดการคาดการณ์เศรษฐกิจจีนลงมาที่ 4.5% จาก 5.3%

เอสแอนด์พี โกลบอลรายงาน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐฯเดือนกันยายนเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 49.3 สูงสุดในรอบ 3 เดือน จาก 44.6 ในเดือนสิงหาคม

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีเพิ่มขึ้นไปแตะ ที่ 4.266% สูงสุดในรอบ 15 ปีก่อนที่จะลดมาที่ระดับ 4.19% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับขึ้นมาที่ 3.829% สูงสุดในรอบ 11 ปี ก่อนที่จะอ่อนตัวลงมาที่ 3.685%

ปีเตอร์ บุควาร์จาก Bleakley Financial Group กล่าวว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้นชัดเจนว่าสะท้อนภาวะฟองสบู่ในตลาดตราสารหนี้ที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรแท้จริงติดลบมาหลายปีนั้นเกิดขึ้นแล้ว

เดวิด คอต์ทิน จากโกลด์แมน แซคส์ปรับเป้าหมายสิ้นปีของดัชนี S&P 500 ลงมาที่ 3,600 จุดจาก 4,300 จุด เนื่องจากมองว่ามีโอกาสที่เศรษฐกิจจะตกลงอย่างรวดเร็วหรือ hard landing ซึ่งจะมีผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯถดถอยมากขึ้น หลังจากที่เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหลังสุด และแนวโน้มดอกเบี้ยคาดการณ์สูงกว่าที่เคยคาดไว้มาก

หุ้นที่พึ่งพาการเติบโตทางเศรษฐกิจและเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพปรับตัวลดลงโดยกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยลดลงมากกว่า 2% หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและบริการสื่อสารลดลงต่างอย่างน้อย 1% ส่วนกลุ่มพลังงานลดลง 6% เนื่องจากราคาน้ำมันร่วงไปที่ 79.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เป็นครั้งแรกที่ต่ำกว่า 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นับตั้งแต่เดือนมกราคม โดยหุ้นเอ็กซอนโมบิลและหุ้นเชฟรอนต่างลดลงกว่า 2%

หุ้นกลุ่มเรือสำราญและสันทนาการนำการลดลงโดยหุ้นนอร์วีเจียนครูซไลน์ หุ้นคาร์นิวาล หุ้นซีซาร์ เอ็นเตอรแทนเม้นท์ และหุ้นโรยัลแคริเบียนต่างลดลง 4% หุ้นฟอร์ด หุ้นเทสลา และหุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ต่างลดลง 4% เช่นกัน

นักลงทุนออกตัวจากกลุ่มเทคโนโลยีและเซมิคอนดักเตอร์ โดยหุ้นเน็ตฟลิกซ์และห้นแอมะซอนต่างลดลง 2% หุ้นแอเปิลและหุ้นอัลฟาเบทต่างลดลง 1% หุ้นNvidiaและหุ้น AMD ลดลง 1.5% และ 2.1% ตามลำดับ

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงแรง นำโดยกลุ่มน้ำมันและก๊าซและกลุ่มทรัพยากพื้นฐานที่ต่างลดลงกว่า 5% นักลงทุนประเมินผลการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางในหลายประเทซรวมทั้งแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของอังกฤษ

รัฐบาลอังกฤษประกาศลดอัตราภาษีและยกเลิกการเก็บภาษีบางด้าน และแผนพลังงานมูลค่า 60 พันล้านปอนด์เพื่อเตรียมรับกับภาวะเศรษฐถดถอย ซึ่งส่งผลให้เงินปอนด์อ่อนค่าลง 3% ไปที่ระดับต่ำสุดในรอบ 37 ปีที่ 1.0919 ต่อดอลลาร์

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของเยอรมนีอายุ 2 ปีเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปีที่ 2.0009% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้นมาที่ 2% สูงสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2008

เอสแอนด์พี โกลบอลรายงาน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของยูโรโซนเดือนกันยายน บ่งชี้ว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่กำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยลดลงมาที่ 48.2 จาก48.9 ในเดือนสิงหาคม และเป็นเดือนที่ 3 ที่ดัชนี PMI ต่ำกว่าระดับ 50 ที่เป็นมาตรวัดว่าขยายตัวหรือหดตัว

หุ้นเครดิตสวิสลดลงมาที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ 4.335 ฟรังก์

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 390.4 จุด ร่วงลง 9.36 จุด, -2.34%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,018.60 จุด ร่วงลง 140.92 จุด, -1.97%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,783.41 จุด ร่วงลง 135.09 จุด, -2.28%,

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,284.19 จุด ร่วงลง 247.44 จุด, -1.97%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายนลดลง 4.75 ดอลลาร์ หรือ 5.7% ปิดที่ 78.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายนลดลง 4.31 ดอลลาร์ หรือ 4.8% ปิดที่ 86.15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล