ดาวโจนส์ปิดลบ 107 จุด วิตกเศรษฐกิจถดถอย

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดลบ ดัชนีดาวโจนส์ร่วง 107 จุด ปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 นักลงทุนขายลดความเสี่ยง จากความกังวลมากขึ้นว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเชิงรุก กระทบเศรษฐกิจถดถอย ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 55 เซนต์ ปิด 83.49 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้านตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปิดลบ แรงขายกลุ่มเทคโนโลยีนำ หลังธนาคารกลางหลายประเทศปรับขึ้นดอกเบี้ย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 21 กันยายนม 2565 ปิดที่ 30,076.68 จุด ลดลง 107.10 จุด หรือ 0.35% เป็นการปิดลบติดต่อกันวันที่ 3 ด้วยความกังวลมากขึ้นว่าการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)ขึ้นดอกเบี้ยในเชิงรุกจะส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย ทำให้นักลงทุนลดความเสี่ยง

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,757.99 จุด ลดลง 31.94 จุด, -0.84%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,066.81 จุด ลดลง 153.39 จุด, -1.37%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีเพิ่มขึ้นไปที่ 4.137% สูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2007 ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับขึ้นมาที่ 3.69% สูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2011

ตลาดยังปรับตัวลงหลังจากเฟดยังคงจุดยืนการดำเนินนโยบายเชิงรุกด้วยการขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในวันพุธและยังส่งสัญญานว่ามีแผนที่จะยังปรับขึ้นดอกเบี้ยไปที่ 4.4% ในสิ้นปีนี้ ประกอบกับธนาคารกลางหลายประเทศได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างแรง แม้อาจจะส่งผลต่อเศรษฐกิจ

เมื่อวานนี้ธนาคารกลางอังกฤษขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ธนาคารกลางสวิสขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ธนาคารกลางนอร์เวย์ขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ธนาคารกลางฮ่องกงขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ธนาคารกลางไต้หวันขึ้นดอกเบี้ย 0.125%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และเซมิคอนดักเตอร์ซึ่งจัดเป็น Growth stock ปรับตัวลงด้วยความวิตกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจจะชะลอตัว กลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยปรับลดลงมากที่สุดโดยลดลง 1.7% และ 2.2% ตามลำดับเพราะพึ่งพาเศรษฐกิจ ส่วนหุ้นกลุ่ม defensive ทั้งธุรกิจผลิตยาและกลุ่มสินค้าจำเป็นต่อการใช้ชีวิตปรับตัวเพิ่มขึ้น

กลุ่มเดินทางและสันทนาการปรับตัวลดลง โดยหุ้นซีซาร์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ปิดลบ 9.4% หุ้นเอ็มจีเอ็ม รีสอร์ทลดลง 6.6% หุ้นวินด์ รีสอร์ท และหุ้นแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนลต่างลดลงกว่า 5% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ หุ้นอเมริกันแอร์ไลน์ และหุ้นเดลตาแอร์ไลน์ต่างลดลง 4%

เอ็ด โมยา จาก Oanda กล่าวว่า เฟดปูทางให้กับธนาคารกลางหลายประเทศในโลกด้วยการขึ้นดอกเบี้ยในเชิงรุก และจะนำไปสู่ภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลก แต่จะรุนแรงแค่ไหนขึ้นอยู่กับว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนในการดึงเงินเฟ้อลง

ซีมา ชาห์ จาก Principal Global Investors กล่าวว่า จากการประมาณการดอกเบี้ยครั้งใหม่ เฟดกำลังทำให้เศรษฐกิจตกลงอย่างรวดเร็วหรือ hard landing ส่วน soft landing หรือเศรษฐกิจเติบโตแบบชะลอตัวนั้นแทบตัดออกไปได้เลย และการที่ประธานเฟดนายเจอโรม พาวเวลล์ยอมรับว่าเศรษฐกิจจะเติบโตต่ำกว่าแนวโน้มที่ควร น่าจะตีความได้ว่า เฟดกำลังพูดถึงภาวะถดถอย

แม้นักเศรษฐศาสตร์หลายรายมองว่าเศรษฐกิจจะถดถอยเล็กน้อยเท่านั้น แต่ก็ไม่มองข้ามโอกาสที่เศรษฐกิจจะตกลงลึก โดย คีธ เลอร์เนอร์กล่าวว่า ยังมีความไม่แน่นอนของนโยบายเฟดอยู่ และประเมินว่ามีความน่าจะเป็น 50% ที่เศรษฐกิจจะถดถอยในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้า แต่หากดอกเบี้ยยังสูงอีกนาน ความน่าจะเป็นก็ยิ่งเพิ่มขึ้น และเตือนว่าตลาดจะยังไม่ลงไปที่ระดับต่ำสุดจนกว่าเศรษฐกิจจะถดถอย

กระทรวงแรงงานรายงานผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 5,000 ราย สู่ระดับ 213,000 ราย แต่ต่ำกว่า 218,000 รายที่นักวิเคราะห์คาด

Conference Board รายงานดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) เดือนสิงหาคมลดลง 0.3% เป็นลดลงเดือนที่ 6 ติดต่อกัน

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง โดยกลุ่มเทคโนโลยีลดลง 4.24% กลุ่มเดินทางลดลง 3.2%ส่วนกลุ่มธนาคารและกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานปรับตัวขึ้น หลังจากธนาคารกลางหลายประเทศขึ้นดอกเบี้ย ทั้งธนาคารสหรัฐฯ ธนาคารกลางอังกฤษ ธนาคารกลางสวิส

เมื่อวานนี้ธนาคารกลางอังกฤษขึ้นดอกเบี้ย 0.50% เป็นการปรับขึ้นติดต่อกันครั้งที่ 7 ธนาคารกลางสวิสขึ้นดอกเบี้ย 0.75% นับเป็นการยุติยุคดอกเบี้ยติดลบในยุโรป หลังจากที่ปรับขึ้นมาที่ 0.25% ในการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ 15 ปีเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ธนาคารกลางนอร์เวย์ขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ธนาคารกลางฮ่องกงขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ธนาคารกลางไต้หวันขึ้นดอกเบี้ย 0.125%

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 399.76 จุด ลดลง 7.29 จุด, -1.79%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,159.52 จุด ลดลง 78.12 จุด, -1.08%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,918.50 จุด ลดลง 112.83 จุด, -1.87%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,531.63 จุด ลดลง 235.52 จุด, -1.84%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 55 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 83.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือน เพิ่มขึ้น 63 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 90.46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล