ดาวโจนส์ปิดร่วง 522 จุด เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% คาดแตะ 4.6% ปี 66

HoonSmart.com>> “ตลาดหุ้นสหรัฐ” ปิดร่วงแรง 522 จุด ท่ามกลางซื้อขายผันผวน เฟดมีมติขึ้นดอกเบี้ย 0.75% พร้อมทำ Dot plot คาดการณ์ดอกเบี้ยสิ้นปีนี้แตะ 4.4% ปีหน้า 4.6% ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1 ดอลลาร์ ปิดที่ 82.94 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน “ตลาดหุ้นยุโรป” ส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น นักลงทุนจับตาประชุม BOE นักวิเคราะห์คาดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50-0.75%

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 21 กันยายน 2565 ปิดที่ 30,183.78 จุด ร่วงลง 522.45 จุด หรือ 1.70% ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวนหลังจากที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติขึ้นดอกเบี้ย 0.75% และคาดการณ์ว่าจะยังคงขึ้นดอกเบี้ยอย่างมากอีกเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,789.93 จุด ลดลง 66.00 จุด, -1.71%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,220.19 จุด ลดลง 204.86 จุด, -1.79%

เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ตามที่คาดไว้และมีการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ว่าดอกเบี้ยขั้นสุดท้าย( terminal rate) จะแตะ 4.6% ในปี 2023 เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อที่ยังสูง ซึ่งเป็นระดับที่จะเฟดจะยุติการขึ้นดอกเบี้ย และเฟดยังส่งสัญญานว่ามีแผนที่จะยังดำเนินนโนยายเชิงรุก ปรับขึ้นดอกเบี้ยไปที่ 4.4% ในสิ้นปีนี้

การขึ้นดอกเบี้ยของเฟดครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 3 ที่ขึ้นครั้งละ 0.75%ในรอบ 4 เดือนส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบาย fed fund rate ขึ้นไปที่ 3.0%-3.25% สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2008 จาก 2.25%- 2.5%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีเพิ่มขึ้นไปที่ 4.1% จากที่แตะ 3.99% สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2007 วันก่อน ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับขึ้นมาที่ 3.6% สูงสุดของวัน

นายเจอโรม พาวเวลล์ กล่าวในการแถลงข่าวว่า การดูแลเสถียรภาพราคามีความสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายการจ้างงานเต็มที่และราคามีเสถียรภาพในระยะยาว ซึ่งเฟดจะยังคงดำเนินการจนกว่าจะมั่นใจได้ว่าเป็นไปตามเป้าหมาย

ชาร์ลี ริปเล่ย์ จาก Allianz Investment Management ระบุในบทวิเคราะห์ว่า เฟดขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งใน 4 เดือนดังนั้นนักลงทุนควรเตรียมรับมือกับความปั่นป่วนที่จะตามมา และการขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้สะท้อนภาพเศรษฐกิจและเพื่อชะลอเศรษฐกิจเฟดต้องดำเนินนโยบายในเชิงรุก

มาร์ค คาบานา จาก Bank of America กล่าวว่า การขึ้นดอกเบี้ยของเฟดเป็นการส่งสัญญานว่าเฟดยอมแลกการที่เศรษฐกิจจะถดถอยเพื่อดึงเงินเฟ้อลง ซึ่งสะท้อนได้จากถ้อยคำที่ใช้ในการแถลง

เฟดคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจะขยายตัวเพียง 0.2% ในสิ้นปีนี้ และจะขยายตัว 1.2% ในปี 2023

คริส ซัคคาเรลลี จาก Independent Advisor Alliance กล่าวว่า ตลาดเริ่มเชื่อว่า เฟดพร้อมที่จะปล่อยให้เศรษฐกิจถดถอยเพื่อดึงเงินเฟ้อลง และตอนนี้ราว 2 ใน 3 ก็รับรู้ไปแล้ว เห็นได้จากหุ้นที่ตกลง 20% จากระดับสูงสุด ดังนั้นนักลงทุนต้องระวังในระยะสั้นเพราะเฟดมุ่งมั่นที่จะขึ้นดอกเบี้ยจนกว่าเงินเฟ้อจะลดมาที่ใกล้เป้าหมาย

หุ้นกลุ่มธุรกิจการเดินทางปรับตัวลดลงจากความกังวลต่อเศรษฐกิจถดถอย โดย หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ลดลง 4.9% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ลดลง 5.3% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ลดลง 5.4% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ลดลง 6.7% หุ้นซีซาร์ธุรกิจคาสิโนลดลง 7.5%

สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติ (NAR) รายงาน ยอดขายบ้านมือสองเดือนสิงหาคมลดลง 0.4% สู่ระดับ 4.80 ล้านยูนิต เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2015 และปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน

สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) รายงานจำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองในสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 3.8%

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นลดลง นำโดยกลุ่มสาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้น 1.8% แต่กลุ่มเดินทางลดลง 1.9% ขณะที่นักลงทุนรอผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯซึ่งคาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ย 0.75%

นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (Bank of England) ในวันพฤหัสบดี ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ย 0.50- 0.75% หลังจากที่ขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนที่แล้ว

หุ้น Fortum ในฟินแลนด์เพิ่มขึ้นกว่า 9% หลังบริษัทตกลงขายหุ้น 56% ที่ถือใน Uniper ผู้นำเข้าก๊าซจากรัสเซียรายใหญ่สุดของเยอรมนีให้รัฐบาลเยอรมนี หลังเยอรมนียืนยันการแปรรูปยูนิเปอร์ไปเป็นของรัฐบาล เนื่องจากต้องจัดหาแหล่งพลังงานที่ไม่ใช่ของรัสเซีย หุ้นยูนิเปอร์ลดลงกว่า 34%

หุ้น Rheinmetall บริษัทรถยนต์และผลิตอาวุธในเยอรมนีเพิ่มขึ้น 9.6% หลังประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียสั่งระดมกำลังทหาร

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 407.05 จุด เพิ่มขึ้น 3.63 จุด, +0.90%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,237.64 จุด เพิ่มขึ้น 44.98 จุด, +0.63%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,031.33 จุด เพิ่มขึ้น 51.86 จุด, +0.87%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,767.15 จุด เพิ่มขึ้น 96.32 จุด, +0.76%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 1 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 82.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือน ลดลง 79 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 89.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล