โบรกฯเห็นพ้อง JASIF น่าดึงดูด หาก ADVANC เข้ามาถือหุ้นสำเร็จ

HoonSmart.com>>โบรกเกอร์ต่างมองบวกต่อการเข้าซื้อ-ปรับเงื่อนไขสัญญาเช่า JASIF ดันราคาเป้าหมายเพิ่ม เหตุความเสี่ยงโดยรวมทั้งผู้เช่าและกองทุนลดลง สร้างความมั่นคงระยะยาว ลุ้นโอกาสในการขายสินทรัพย์เข้ากองทุน

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ AIS (ADVANC) ประกาศการทำธุรกรรมเข้าซื้อหุ้น 99% ในบริษัท TTTBB ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตบ้านอันดับ 2 แบรนด์ 3BB และ เข้าซื้อหน่วยลงทุน 19% ของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน บรอดแบนด์ อินเทอร์เน็ต จัสมิน หรือ JASIF จากบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) ซึ่งมีเงื่อนไขสำคัญที่ต้องได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 18 ตุลาคม 2565 คือการแก้ไขสัญญาค่าเช่าที่ TTTBB ต้องจ่ายต่อกองทุน JASIF

​หลังจากนั้นได้มีการปรับปรุงเงื่อนไขต่างๆ เพื่อเป็นการลดผลกระทบที่เกิดขึ้นรวมถึงสร้างความมั่นใจต่อผู้ถือหน่วยลงทุนของ JASIF ไม่ว่าจะเป็นข้อตกลงที่ TTTBB ภายใต้การสนับสนุนของ AIS จะจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าให้แก่กองทุน JASIF ในเม็ดเงินราว 3,000 ล้านบาท หรือความยินยอมของธนาคารกรุงเทพฯ ในการลดอัตราดอกเบี้ยและขยายระยะเวลาการชำระหนี้เงินกู้ของ JASIF ซึ่งมีอยู่ประมาณ 18,000 ล้านบาท โดยจะทำให้กองทุนมีสภาพคล่องและความสามารถในการจ่ายปันผลที่ดีขึ้น

​บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ชี้ราคา JASIF น่าดึงดูด หาก ADVANC เข้ามาถือหุ้นสำเร็จ คาดราคา JASIF ควรยืนได้ที่ 9.50 – 10.00 บาท คิดเป็น Yield ราว 8% โดยคิดจากเงื่อนไขแรกคาดเงินปันผล JASIF จะอยู่ราว ๆ 0.55 บาทต่อหน่วยในปี 2566-2568 แต่เงินปันผลสามารถเพิ่มขึ้นได้จากสองส่วน คือ 1) การได้รับค่าเช่าล่วงหน้าเพิ่มราว 1 พันล้านบาทในช่วง 3 ปีแรก โดยคาดว่าจะส่งผลดีต่อเงินปันผล 0.125 บาทต่อหน่วย และ 2) เงื่อนไขการคืนเงินกู้ที่ดีขึ้น ทำให้มีเงินสดเหลือมาจ่ายผู้ถือหน่วยเพิ่มเติมอย่างน้อยในช่วง 3 ปีแรก คาดว่าราว ๆ 0.125 บาทต่อหน่วย เมื่อรวมเข้าด้วยกันคิดเป็น Yield ราว 10.2%

บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ล่าสุด (15 ก.ย.) ปรับราคาเป้าหมายขึ้น 17% พร้อมคาดเงินปันผลในปี 2566-2568 เพิ่มขึ้นจากข้อเสนอเดิม ชี้ทำให้แรงขายหุ้นลดลง พร้อมปรับคำแนะนำจาก ขาย เป็น ถือ สำหรับเงินปันผลคาดการณ์จะอยู่ที่ 0.86 บาทต่อหุ้นในปี 2023 และ 0.82 ในปี 2567–2568 ซึ่งคิดเป็น Upside 19% – 22% จากข้อเสนอเดิม

บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราเงินปันผลปี 2566 หลังจากรวมประมาณการจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าและการปรับโครงสร้างการชำระหนี้เงินกู้ จากเดิม 8.6% เป็น 10.4% หรือคิดเป็นเงินปันผลต่อหุ้นราว 0.82 บาทต่อหน่วย สำหรับปี 25662568 และยังได้คาดการณ์ผลตอบแทนเงินปันผลในปี 2569-2570 ยังคงสูงถึง 8.9% พร้อมปรับคำแนะนำเพิ่มจากเดิม แนะนำขาย เป็น ถือ

บล.โนมูระ พัฒนสิน มีมุมมองเชิงบวกทั้งจากกรณีธนาคารกรุงเทพยอมปรับเงื่อนไขการชำระหนี้และจากการจ่ายค่าเช่าล่วงหน้า 3,000 ล้านบาทจาก ADVANC ซึ่งจะช่วยให้กองทุนมีสภาพคล่องและสามารถจ่ายปันผลได้มากขึ้น เหตุผลหลักจาก1)กองทุน JASIFจะมีต้นทุนการเงินลดลงเหลือราว 4.75% จากเดิมมีต้นทุนการเงินเฉลี่ยที่5.25% ช่วยให้มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นจากภาระจ่ายคืนเงินต้นช่วง 3 ปีแรกลดลงจากเดิมปีละ 1,100-1,200 ล้านบาท และ 2)เงื่อนไขที่กำหนดให้ TTTBB ต้องจ่ายค่าเช่าล่วงหน้า จะทำให้กองทุนมีสภาพคล่องเพิ่มเติมและสามารถจ่ายเงินปันผลอีก 0.125 บาท/หน่วย จากเงื่อนไขเดิมของ ADVANC ซึ่งคาดว่าจะจ่ายเงินปันผลต่อปี 0.60 บาท/หน่วย รวมเป็นเงินปันผล 0.725 บาท/หน่วย ในปี 2566–2568 หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผล 9% และ 3)ความยินยอมของธนาคารกรุงเทพในการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และขยายระยะเวลาชำระหนี้ให้กองทุน น่าจะช่วยลดความเสี่ยงมติอนุมัติไม่ผ่านเกณฑ์ 75% ของผู้ร่วมประชุม

ในขณะที่การขออนุมัติจากผู้ถือหุ้น JAS จะเกิดขึ้นในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 23 ก.ย.65 ในขณะที่การขออนุมัติจากผู้ถือหน่วยลงทุน JASIF จะเกิดขึ้นในการประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วย วันที่ 18 ต.ค.65 ซึ่งจะเป็นการขออนุมัติให้ JAS ดำเนินการขายหุ้นสามัญของบริษัท TTTBB หน่วยลงทุน JASIF สัดส่วน 19% ให้แก่ AWN ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ AIS รวมทั้งการแก้ไขสัญญาจัดหาผลประโยชน์เกี่ยวกับการเช่าและค่าเช่าของเส้นใยแก้วนำแสง (OFCs) ยกเลิกการรับประกันรายได้ค่าเช่า และการจ่ายค่าเช่าล่วงหน้า