กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFFIF) เตรียมเปิดขายหน่วยลงทุน 12-19 ต.ค.นี้ คาดราคาไม่เกิน 10 บาท/หน่วย บล.ภัทร คาดผลตอบแทนกองทุนปีแรกอยู่ที่ 4.75-5.30% จ่ายปันผล 2 ครั้ง/ปี
นายอนุวัฒน์ ร่วมสุข กรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร เปิดเผยในงานการนำเสนอข้อมูลกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund : TFFIF) ให้แก่นักลงทุนว่า กองทุน TFFIF จะเสนอขายหน่วยลงทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปในครั้งแรก (IPO) จำนวน 4,100- 4,570 ล้านหน่วย เปิดจองซื้อวันที่ 12-19 ต.ค.นี้ คาดกรอบราคาเสนอขายเบื้องต้นไม่เกิน 10 บาท/หน่วยและกำหนดราคาสุดท้ายในวันที่ 22 ต.ค.2561 คาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 31 ต.ค.นี้ โดยคาดว่าจำนวนเงินที่ได้รับจากการระดมทุนประมาณ 4.10-4.57 หมื่นล้านบาท
สำหรับการเสนอขายหน่วยลงทุนจะจัดสรรให้กับ 4 กลุ่มหลักๆ ได้แก่ 1.กระทรวงการคลังจำนวน 310-357 ล้านหน่วย โดยมีนโยบายว่ากระทรวงการคลังต้องถือหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10% และต้องไม่ขายหน่วยลงทุนในช่วง 5 ปีแรก 2.ผู้จองซื้อพิเศษ หรือสถาบันต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จำนวน 615-686 ล้านหน่วย 3.ผู้ลงทุนหลักโดยเฉพาะเจาะจง หรือผู้ลงทุนสถาบันขนาดใหญ่ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีความรู้ความเข้าใจเป็นอย่างดี จำนวนไม่เกิน 1,230-1,371 ล้านหน่วย และ 4. ประชาชนทั่วไป จำนวน 1,845-2,056 ล้านหน่วย โดยสัดส่วนเบื้องต้นดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แต่จะไม่เกิน 15-20% ของจำนวนหน่วยลงทุนที่จัดสรรให้ในแต่ละกลุ่ม ซึ่งจะประกาศให้ทราบอีกครั้งในวันที่ 12 ต.ค.2561
พร้อมทั้งได้ประเมินอัตราผลตอบแทนเงินปันผลปีแรก (ปี 2562) จะอยู่ที่ 4.75 – 5.30% ซึ่งจะมีนโยบายการจ่ายปันผลขั้นต่ำ 2 ครั้งต่อปี และคาดหวังในอนาคตจะจ่ายเงินปันผลไตรมาสละ 1 ครั้ง จากส่วนแบ่งรายได้ค่าผ่านทางรวมสุทธิ 45% โดยจะมีการประมาณการอัตราผลตอบแทนสุดท้ายในวันที่ 12 ต.ค.นี้ พร้อมกับจำนวนเงินที่ได้รับจากเสนอขายส่วนเพิ่มทุนจะอยู่ที่ 41,000-45,700 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนที่สนใจสามารถจองซื้อผ่านช่องทางธนาคารกรุงไทยทุกสาขา,ธนาคารกรุงเทพทุกสาขายกเว้นสาขา Micro,บลจ.เอ็มเอฟซี,บลจ.กรุงไทยสำนักงานใหญ่,บล.ฟินันเซียไซรัสทั่วประเทศ และบล.ภัทรสามารถจองซื้อได้เฉพาะลูกค้าเท่านั้น