ดาวโจนส์ปิดบวก 30 จุด นักลงทุนช้อนซื้อหลังร่วงแรง

HoonSmart.com>> “ตลาดหุ้นสหรัฐฯ” รีบาวด์ ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 30 จุด แรงซื้อกลับหลังถูกเทขายหนักวันก่อนหน้า ท่ามกลางการซื้อขายยังผันผวน ดัชนีขึ้นลงสลับบวกลบตลอดวัน ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.17 ดอลลาร์ ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 14 กันยายน 2565 ปิดที่ 31,135.09 จุด เพิ่มขึ้น 30.12 จุด หรือ 0.10% ด้วยแรงช้อนซื้อกลับหลังจากที่เมื่อวานนี้ถูกเทขายหนักและลดลงมากสุดภายในหนึ่งวันนับตั้งแต่ปี 2020 แต่การซื้อขายยังผันผวน ดัชนีหลักขึ้นลงแดนบวกสลับแดนลบตลอดทั้งวัน ก่อนที่จะกลับมาปิดในแดนบวกท้ายชั่วโมงซื้อขาย

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,946.01 จุด เพิ่มขึ้น 13.32 จุด, +0.34%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,719.68 จุด เพิ่มขึ้น 86.10 จุด, +0.74%

หุ้นโมเดอร์นาปรับตัวโดดเด่น บวกกว่า 6% หุ้นเทสลาเพิ่มขึ้น 3.6% และหุ้นแอปเปิลเพิ่มขึ้น 1%

ตลาดได้รับแรงหนุนจากดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ทั่วไป ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิตเดือนสิงหาคมชะลอตัวลง โดยลดลง 0.1% เมื่อเทียบรายเดือน ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน สอดคล้องกับี่นักวิเคราะห์คาด แต่ดัชนี PPI พื้นฐานซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้น 0.2%

เมื่อเทียบรายปี ดัชนีPPI ทั่วไปเพิ่มขึ้น 8.7% ลดลงมากจากที่เพิ่มขึ้น 9.8% ในเดือนกรกฎาคมและต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2021 ส่วนดัชนี PPI เพิ่มขึ้น 5.6% ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2021

ดัชนี PPI มีแนวโน้มในลักษณะเดียวกับดัชนี CPI ที่เผยแพร่เมื่อวานนี้ ที่ดัชนี CPI ทั่วไปชะลอตัวลงแต่ดัชนี CPI พื้นฐานยังเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ตลาดเริ่มคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะเร่งปรับดอกเบี้ยมากขึ้นในการประชุมวันที่ 20-21 เดือนนี้

เจมี ค็อกซ์จาก Harris Financial Group กล่าวว่า เงินเฟ้อทั่วไปและเงินเฟ้อพื้นฐานเริ่มแยกตัวออกจากกัน โดยเงินเฟ้อทั่วไปเริ่มชะลอตัวและเงินเฟ้อพื้นฐานยังเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ที่แปลกซึ่งอาจะเป็นผลจากการบริโภคด้านบริการมากขึ้นหลังพ้นการระบาด จึงมองว่าเฟดน่าจะดำเนินนโยบายด้วยความรอบคอบและไม่หยุดขึ้นดอกเบี้ยในทันที

เอริก เสติร์นเนอร์จาก Apollon Wealth Management มองว่า เฟดจะยังคงดำเนินนโยบายการเงินตึงตัวจนกว่าเงินเฟ้อจะลดลงมาได้จริง

อย่างไรก็ตามตลาดยังมีสองมุมมอง โดยมุมมองแรกมองว่ามีความน่าจะเป็น 33% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 1% ส่วนอีกมุมมองหนึ่งมีความน่าจะเป็น 67% ที่เฟดจะขึ้นดอกบี้ย 0.75%

หุ้นสตาร์บัคส์ เพิ่มขึ้น 5.5% หลังบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรและยอดขายในระยะเวลา 3 ปี

หุ้นกลุ่มบริษัทรถไฟลดลง จากการประท้วงของคนงานสร้างทางรถไฟ โดย หุ้นยูเนียน แปซิฟิก ลดลง 3.7% หุ้นนอร์ฟอล์ค เซาเทิร์น ลดลง 2.2%

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลง นำโดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ลดลง 2.3% หลังจากเงินเฟ้อเดือนสิงหาคมของสหรัฐฯสูงเกินคาด ทำให้กังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง

อังกฤษรายงานเงินเฟ้อเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น9.9% เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่า 10.2% ที่นักวิเคราะห์คาด และต่ำกว่า 10.1% ในเดือนกรกฎาคม
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 417.51 จุด ลดลง 3.62 จุด, -0.86%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,277.30 จุด ลดลง 108.56 จุด, -1.47%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,222.41 จุด ลดลง 23.28 จุด, -0.37%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,028.00 จุด ลดลง 160.95 จุด, -1.22%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น 1.17 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 88.48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 93 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 94.10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล