ตื่นเฟดขึ้นดบ.1% ทุบศก.ถดถอย ‘โนมูระ’ แนะคงพอร์ตหุ้นไทย 55-60%

HoonSmart.com>>หุ้นโลกส่วนใหญ่รูดลงตามสหรัฐ กังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยแรงถึง 1% ก.ย.นี้ เพิ่มความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย  โนมูระฯคาดขึ้น 1% ครั้งหน้า  0.5% และ 0.25% สิ้นปี ปีหน้าอีก 0.25% จบที่ 4.5-4.75% สูงกว่าคาด 0.50% แนะพอร์ตสั้นคงน้ำหนักหุ้นไทยที่ 55-60% ด้านบล.กสิกรไทยคาดตลาดไม่ไปไหนจนถึงวันประชุมเฟด 21 ก.ย. แนะให้ทยอยซื้อแถว 1,616, 1,644  ขึ้นมาให้ขายทำกำไร เน้นกลุ่ม Domestic  หนี  Global   

 

วันที่ 14 ก.ย.2565 หุ้นโลกส่วนใหญ่ร่วงลงตามตลาดหุ้นสหรัฐ  ด้านตลาดเอเชีย ญี่ปุ่นดิ่งลงแรงที่สุด -2.78% ตามด้วยฮ่องกง -2.48% ส่วนไทยปิดที่ระดับ 1,656.58 จุด ลดลง 4.51 จุด หรือ -0.27% มูลค่าซื้อขาย 72,610.35 ล้านบาท แรงขายมาจากนักลงทุนสถาบันไทยมากที่สุด 2,752 ล้านบาท  ต่างชาติขายด้วย 1,223.71 ล้านบาท ด้านนักลงทุนไทยช้อนเก็บ 3,008.69 ล้านบาท

ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงตามตลาดหุ้นสหรัฐ  แต่น้อยกว่าหลายตลาด ระหว่างวันลงไปกว่า 19 จุด หรือ -1.15% เกิดจากแรงขายหุ้น DELTA แต่เมื่อหุ้น DELTA ตีกลับเป็นบวก รวมถึงการไล่ซื้อหุ้นกลับกระจายในหลายกลุ่ม ส่งผลให้ดัชนีฟื้นขึ้นอย่างรวดเร็ว ปิดติดลบเพียง 0.27%

สถานการณ์หุ้นยังไม่ปลอดภัย แม้ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าจะพลิกมาเป็นบวกเล็กน้อย  ตลาดและนักลงทุนรอผลการประชุมของเฟดในวันที่ 20-21 ก.ย.  กังวลจะขึ้นดอกเบี้ยแรง  1%  หลังเงินเฟ้อเดือนส.ค.ปรับขึ้น 8.3% YoY และ +0.1% MoM สูงกว่าคาดที่ +8.1% YoY และ -0.1% MoM ตามลำดับ โดย FedWatch Tool ประเมินโอกาสที่จะปรับขึ้น 0.75% ลดลงจาก 91% ในวันก่อนหน้าเป็น 67% แต่เพิ่มโอกาสปรับขึ้น 1.00% เป็น 33% จากวันก่อนหน้าที่ 0% หากขึ้นดอกเบี้ยแรงจะกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันกดดันราคา ส่วน Bond Yield  เพิ่มขึ้น  (2Y US Bond Yield แตะ 3.7% สูงสุดใหม่ในรอบ 15 ปี) และ US Dollar Index พลิกมาแข็งค่า 1.5% กดดันบรรยากาศการลงทุนโดยรวม

ส่วนเงินเฟ้อของอังกฤษ เพิ่มขึ้น 9.9% ต่ำกว่าที่คาดว่าจะเพิ่ม 10.2% และลดลงจากเดือนก.ค.ที่เพิ่มขึ้น 10.1% ในการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE ) สัปดาห์หน้า นักวิเคราะห์คาดปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย 0.5-0.75% จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.75%

นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า หุ้นไทย แข็งแกร่งกว่าตลาดต่างประเทศ โดยภูมิภาคเอเชียติดลบราว 1-1.5% เช่นเดียวกับตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ติดลบราว 1% หลังจากเงินเฟ้อเดือนส.ค.ของสหรัฐสูงกว่าคาด ทำให้วิตกการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟดและแรงกดดันจากหุ้น DELTA ด้วย

ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงน้อย มีมุมมองบวก จากการเปิดเมือง เปิดประเทศ และโอกาสที่จะเกิดเศรษฐกิจถดถอยต่ำกว่าสหรัฐฯ และยุโรป รวมถึงนักวิเคราะห์มีการอัพเกรด EPS ทำให้หุ้นมี Upside อย่างไรก็ดี ให้ติดตามดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI)ของสหรัฐ และติดตามยอดค้าปลีกสหรัฐฯด้วย

ด้านกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ไปจนถึงวันที่ 21 ก.ย.ซึ่งเป็นวันประชุมเฟด ตลาดคงจะไม่ไปไหนไกล เนื่องจากมีการให้น้ำหนัก 30% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายถึง 1% ดังนั้นกลยุทธ์หากดัชนีฯปรับตัวลงมาแถว 1,616, 1,644 ให้ทยอยซื้อ แต่หากปรับตัวตัวขึ้นก็ให้ขายทำกำไรออกมา  แนะนำกลุ่ม Domestic  เช่น  PLANB, CK, SCB เป็นต้น และหุ้นที่ควรหลีกเลี่ยงกลุ่ม Global อย่างหุ้นในกลุมพลังงาน, ปิโตรเคมี และโรงกลั่น

บล.โนมูระ พัฒนสิน วิเคราะห์ว่า สินทรัพย์เสี่ยงกลับมาผันผวน เจอแรงกดหลัก คือ เงินเฟ้อสหรัฐฯ ส.ค. แย่กว่าที่ตลาดคาดไว้ ทำให้ตลาดต้องปรับมุมมองซึมซับความเสี่ยงนโยบายการเงินเข้มงวดอีกระลอก หลังโนมูระฯและตลาดบางส่วน คาดเฟดอาจปรับเพิ่มดอกเบี้ยนโยบายรอบนี้  1.00%   ท้ายสุดจะกระทบไปที่เศรษฐกิจ
สหรัฐฯ ถดถอย กดราคาน้ำมัน ถ่วงกลุ่มพลังงาน, กลุ่ม High Growth และ Global Plays แต่คาดดัชนีปรับฐานน้อยกว่าจากเศรษฐกิจในประเทศที่วิ่งสวนทาง กลุ่มที่เคลื่อนไหวดีกว่าตลาด และช่วยประคองตลาดได้ คาดจะอยู่ในกลุ่มอิงเศรษฐกิจในประเทศ Consumer (ค้าปลีก, ประกัน)

“โนมูระฯคาดเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยถึง 1% ในเดือนก.ย. เดิมคาด 0.75% และจะขึ้นอีก 0.5%ในเดือนพ.ย.และ 0.25% เดือนธ.ค. ก่อนขึ้นครั้งสุดท้ายอีก 0.25% ในเดือนก.พ. 2566 ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายปลายทาง (terminal rate) อยู่ที่4.50-4.75% (มากกว่าคาดการณ์เดิม 0.50%)คำแนะนำการลงทุนระยะสั้นคงพอร์ตหุ้นไทย 55-60% สำหรับการลงทุนระยะกลาง- ยาว กลุ่มที่ยังให้เลือกสะสม ให้เน้นไปที่กลุ่ม High Growth/ Digital Tech ที่อิงความต้องการในประเทศ (JMART, JMT, SINGER, CHAYO, BE8, BBIK, IIG)”บล.โนมูระระบุ

 

อ่านข่าว

TLI-BLA คึกคักนำกลุ่มประกัน รับบอนด์ยีลด์พุ่ง-ได้ประโยชน์ดบ.ขาขึ้น