5 หุ้นร้อน แรงแซงพื้นฐาน KCC เป้าแค่ 7.2 บาท TEAMG 3.53 บาท

HoonSmart.com>>5 หุ้นลุกเป็นไฟ หลังเปลี่ยนเจ้าของ- ขาใหญ่แห่ลงทุน บิ๊ก KCC คาด 4 คนดังซื้อหุ้น เพราะชอบธุรกิจ AMC เห็นโอกาสโตของบริษัท ในฐานะน้องใหม่ในตลาดหุ้น ขยายพอร์ตเพิ่มเท่าตัว แนะนักลงทุนอย่าดูแค่กำไร หนี้ที่ซื้อมาต้องใช้เวลาปั้นนาน 4-5 ปี ด้านบล.ทรีนีตี้-ฟินันเซียชี้เป้าหมายราคาเพียง 7 บาทเศษ ส่วน TEAMG  นักวิเคราะห์ตีมูลค่าเฉลี่ย 3.53 บาท “คณธัช วูอินทรานนท์” โผล่ถือ TAKUNI 6.9% “สุระ” ทิ้งหุ้น MVP  9% เหลือ 6.68%

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (5-9 ก.ย.2565)  พบการซื้อขายหุ้น 5 บริษัทร้อนแรงมากกว่าตลาด ผลจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้แก่ บริษัท บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล (KCC) ราคากระโดดจากวันที่ 2 ก.ย.ปิดที่ 8.45 บาทขึ้นมาปิดที่ 10.80 บาท พุ่งขึ้น  27.8% แม้หุ้นจะติดแคชบาลานซ์ ตั้งแต่วันที่ 5-23 ก.ย. แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งแรงเก็งกำไรได้ หลังจากมีชื่อ 4 นักลงทุนรายใหญ่เข้ามาถือหุ้นใหญ่

ส่วนหุ้นบริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ (TEAMG) พุ่งฉิ่วถึง 56.86% เพียงหนึ่งสัปดาห์ จากราคา 5.10 บาท มาปิดที่ 8 บาท จนติดแคชบาลานซ์เช่นเดียวกัน ต้อนรับนายธีระชัย รัตนกมลพร เจ้าของ บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) หรือ DITTO เข้าซื้อหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 12.51% เป็น 15.07% ความแรงยังส่งถึง DITTO  ตามความคาดหวังผลการร่วมธุรกิจของทั้งสองบริษัท นักวิเคราะห์ให้ราคาเป้าหมายหุ้น TEAMG เพียง 3.53 บาท ขณะที่ บริษัท เน็กซเตอร์ เวนเจอร์ส ในกลุ่มปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ขายหุ้นออก ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นลดลงจาก 9.9% เหลือ 4.74% และนาย ชวลิต จันทรรัตน์ ประธานกรรมการบริหาร ขายอย่างต่อเนื่อง เหลือสัดส่วน 1% เศษ

สำหรับหุ้น บริษัท ทาคูนิ กรุ๊ป (TAKUNI) ร้อนแรงไม่มากนัก เนื่องจากราคาวิ่งมานานกว่า 2 สัปดาห์จาก 1 บาทเศษ ปิดที่ 3.18 บาท เมื่อกลุ่ม”ตรีวีรานุวัฒน์” ทยอยขายหุ้นบิ๊กล็อต 3 รายการทั้งหมด  51% ในราคาหุ้นละ 2.60 บาท รวมมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาทแล้วเสร็จ ให้นักลงทุนกว่า 10 ราย แต่คนซื้อยังไม่ปรากฎตัว ล่าสุด นาย คณธัช วูอินทรานนท์ รายงานก.ล.ต.ว่าวันที่ 7 ก.ย.ได้หุ้น TAKUNI มาจำนวน 20 ล้านหุ้นหรือ 2.5% ทำให้มีหุ้นทั้งสิ้น 6.9% หรือจำนวน 52 ล้านหุ้น ทั้งนี้ราคาได้มาสูงสุดอยู่ที่  2.80 บาท

ล่าสุด บริษัท ชูไก (CRANE) ตกเป็นเป้าเก็งกำไร นักลงทุนคาดว่านายโสรัตน์ วณิชวรากิจ นักลงทุนรายใหญ่จะต้องซื้อหุ้นเพิ่มขึ้น คงไม่หยุดอยู่ที่จำนวน 17.24% แต่ราคาหุ้นในปลายสัปดาห์ปรับตัวลง เพราะนักวิเคราะห์คาดว่าหุ้นจะถูกจับเข้าแคชบาลานซ์ ซึ่งไม่คาด นักลงทุนจะต้องวาเงเงินสดทั้ง 1005 ก่อนสั่งซื้อหุ้นเริ่มตั้งแต่วันที่  12-30 ก.ย. 2565

นาย ทวี กุลเลิศประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล (KCC) กล่าวว่า ประหลาดใจเรื่องราคาหุ้น KCC ปรับตัวขึ้นแรง หลังจากมีนักลงทุนรายใหญ่ 4 ราย เข้ามาถือหุ้น โดยยังไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องการต่อยอดร่วมทำธุรกิจด้วยกัน ส่วนเหตุผลที่  KCC ได้รับความสนใจ แม้ว่านักลงทุนบางรายไม่เคยมาเยี่ยมชมกิจการก็ตาม  คงเป็นเพราะให้ความสนใจอุตสาหกรรมบริหารสินทรัพย์ (AMC ) จากการเห็นรายชื่อที่ลงทุนในหุ้นบริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส( JMT) และบริษัท ชโย กรุ๊ป (CHAYO) เนื่องจากภาวะหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPLs ) ในระบบสูง มองธุรกิจจะเป็นขาขึ้นได้ และ KCC เพิ่งเข้าตลาดหลักทรัพย์เป็นน้องใหม่ ตกอยู่ในโฟกัส  เห็นรายได้ดอกเบี้ยลดลง เทียบกับตอนเข้าตลาด มูลค่าพอร์ตลดลงจาก 550 ล้านบาทปลายปีก่อน ตอนนี้เหลือ 520 ล้านบาทในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นเรื่องปกติของธุรกิจ AMC พอร์ตซื้อมานาน  ต้องใช้เวลาในการบริหารจัดการ 4-5 ปีที่ผ่านมา ช่วงนี้ใกล้ถึงเวลาเก็บเกี่ยว ส่วนไตรมาส 2/2565 กำไรโตมากจากการรับรู้รายได้ของลูกหนี้รายใหญ่ แนวโน้มการรับรู้รายได้ดอกเบี้ยจะเคลื่อนไหวปกติ จากการปิดบัญชีซื้อบ้าน ไม่ได้ก้อนใหญ่ 3-5 ล้านบาท มากสุด 8-10 ล้านบาท รวมถึงการขายสินทรัพย์รอการขายหรือ NPAs

“นักลงทุนรายใหญ่เข้ามาซื้อหุ้น KCC คาดหวังสิ่งที่จะะเกิดขึ้นในอนาคต เมื่อเห็นเราเข้าตลาดหลักทรัพย์ พอร์ตก็โต 100% จาก 500 ล้านบาท ซื้อใหม่ 500 ล้านบาท มองในอนาคตจะเติบโต น้องใหม่ ไซด์เล็ก โตก้าวกระโดด  คาดว่าสิ้นปีนี้พอร์ตจะโตขึ้นเป็น 1,200 ล้านบาท สินทรัพย์หรือหนี้ที่ซื้อมาคุ้มค่าสำหรับการลงทุนแน่นอน”นายทวีกล่าว

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจ AMC ต้องใช้เวลาในการบริหารจัดการและเงินลงทุน การซื้อพอร์ตใหม่ 500 ล้านบาท  บริษัทจะต้องตั้งสำรอง และพอร์ตใหม่ช่วงแรกจะไม่มีกำไร  บริษัทใช้เงินกู้มาก  ทั้งการออกหุ้นกู้ 350 ล้านบาท ก่อนเข้าตลาด และการกู้เงินจากสถาบันการเงิน  ตั้งแต่เข้าตลาดมามีภาระหนี้ทั้งหมดเกือบ  700 ล้านบาท  อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยเกือบ 6%  หากนักลงทุนจะเข้ามาลงทุนในหุ้น KCC  อยากให้เข้าใจธุรกิจ มีการศึกษาข้อมูลครบถ้วนและรอบด้าน พอร์ตธุรกิจที่ซื้อมาบริหาร ต้องรอ 3-4 ปี ถึงจะเห็นกำไรเป็นก้อน

ล่าสุดมีนักวิเคราะห์ 2 รายวิเคราะห์หุ้น KCC  บล.ทรีนีตี้ ให้ราคาเป้าหมาย 7.20 บาท และบล.ฟินันเซีย ไซรัสให้มูลค่าเหมาะสมของปีหน้า หุ้นละ 7 บาท เพิ่มจากปีนี้ให้เป้าหมาย 5.10 บาท แต่ราคาในตลาดวิ่งขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่นับตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์(All Time High) ปิดที่ 10.80 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น(P/E) 81.55 เท่า และสัดส่วนราคาต่อมูลค่าหุ้นทางบัญชี (P/BV)

” เรายังคงคาดว่า KCC จะมีกำไรเติบโตเฉลี่ย 52% ในช่วง 3 ปี(2565-2567) หลังจากมีเงินจาก IPO ในการซื้อหนี้ รวมถึงการเกิด NPLsในระบบและบริษัทมีต้นทุนต่ำในการบริหารจัดการ”บล.ฟินันเซียระบุ

ทั้งนี้ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์รายงานโครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ KCC ปรากฏว่า นายสถาพร งามเรืองพงศ์ (เซียนฮง) ถือหุ้น 3.11% , นายสมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล (เสี่ยปู่) ถือ 1.75% , นายสุระ คณิตทวีกุล (เจ้าของ COM7 มหาเศรษฐีไทย อันดับที่ 49) ถือ 1.13%  และนายวัชระ แก้วสว่าง (เสี่ยป๋อง) ถือ 0.65%

ด้านนาย สุระ คณิตทวีกุล ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง บริษัท เอ็ม วิชั่น (MVP) รายงานก.ล.ต.ว่า วันที่ 8 ก.ย.2565 ได้ขายหุ้น MVP จำนวน 28 ล้านหุ้นหรือ 9.26% คงเหลือจำนวน 20.5 ล้านหุ้น หรือ 6.68%