“คิงส์ฟอร์ด” แนะ 8 หุ้นได้ประโยชน์น้ำมันดิบขาลง

HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด คาดแนวต้านดัชนีวันนี้ 1,645 – 1,650 จุด แนวรับแรก 1,630 จุด แนะกลุ่มได้รับประโยชน์จากต้นทุนน้ำมันที่ลดลง ” TASCO, TOA, PRM, VL, KEX, ATP30, BA, SUSCO” หนุนแรงซื้อเก็งกำไร ด้าน กลุ่มอาหาร แนะ ASIAN, TFG ด้านไอโฟน 14 เปิดตัวหนุน COM7, SPVI

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET ทรงตัวในกรอบแนวรับ 1,625 – 1,630 แนวต้าน 1,645 – 1,650 รอศาล รธน.วินิจฉัย และ Fund Flow ผันผวนในช่วงการประชุม ธนาคารกลางหลัก แนะนำซื้อเก็งกำไร TASCO, TOA, BA, AAV ปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันลดลง กลุ่มอาหาร ASIAN, TFG และรับไอโฟน 14 ได้แก่ COM7, SPVI

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ กลุ่ม Anti-Oil รับประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่กำลังเป็นขาลง กดดันจาก Outlook เศรษฐกิจยุโรป สหรัฐฯ และจีน ที่มีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะชะลอตัว (ยุโรปขาดแคลนพลังงาน – สหรัฐฯ เงินเฟ้อเร่งขึ้นดอกเบี้ย – จีนล็อกดาวน์และหนี้ภาคอสังหาฯ) ส่งผลสะท้อนไปที่ตัวเลขเศรษฐกิจ การปรับลดคาดการณ์ GDP และคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมัน ดังนั้นคาดว่ากลุ่มที่จะได้รับประโยชน์จากต้นทุนน้ำมันที่ลดลง คือ TASCO, TOA, PRM, VL, KEX, ATP30, BA, SUSCO

หุ้น CPF (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 29.00 บาท) สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในช่วง 3Q65 เบื้องต้นเราประเมินว่าจะเห็นการฟื้นตัวที่ดีจากฐานต่ำใน 3Q64 และยังมีแรงหนุนจากปัจจัยหลักคือ 1.ราคาเนื้อสัตว์ในไทยที่ยังอยู่ในระดับสูงในช่วงก.ค.-ส.ค.ที่ผ่านมา โดยช่วง ส.ค.65 ราคาสุกรอยู่ที่ 104 บาท/กก.(+2.97%MoM, +48.57%YoY) และราคาไก่อยู่ที่ระดับ 47 บาท/กก.(+4.44%MoM, +59.32% YoY) 2. ส่วนแบ่งกำไรที่น่าจะฟื้นตัว (CPALL) จากการระบาดของ Covid-19 ที่ปรับตัวดีขึ้น และ 3.จากราคาสุกรในจีนช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค.65 เคลื่อนไหวที่ราว 20-22 RMB/kg.(สูงกว่าต้นทุนที่เราประมาณที่ราว 15-17 RMB/kg.) ปัจจุบัน เราประมาณการกำไรสุทธิปี 65 และ 66 ที่ระดับ 16,096 ล้านบาท (+23.55%YoY) และ 18,935 ล้านบาท (+17.63%YoY) ตามลำดับ