DTPHREIT ลงทุนโรงแรมเครือแมกโนเลียฯ กอง REIT buy-back ผลตอบแทน 7% ต่อปี

HoonSmart.com>> “ดีทีพี โกลบอล รีทส์ แมเนจเมนท์” เปิดตัว “กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อธุรกิจโรงแรมและสิทธิการเช่า ดีทีพี ฮอสพิทอลลิตี้ ที่มีข้อตกลงในการซื้อคืน” (DTPHREIT) มูลค่าไม่เกิน 4,107 ล้านบาท ลงทุนโรงแรมศักยภาพสูงของ MQDC เปิดขายนักลงทุนสถาบันและรายใหญ่ปลายเดือนก.ย.หรือต้นเดือนต.ค.นี้ ชูกองทรัสต์ REIT buy-back ที่มีข้อตกลงให้เจ้าของเดิมรับซื้อทรัพย์สินคืนใน 3 ปี พร้อมประมาณการผลตอบแทน 7% ต่อปี

โครงการโรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพฯ, โครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด

นางสาววนิดา สุขสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีทีพี โกลบอล รีทส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด (DTPRM) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้จัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อธุรกิจโรงแรมและสิทธิการเช่า ดีทีพี ฮอสพิทอลลิตี้ ที่มีข้อตกลงในการซื้อคืน (DTPHREIT) เพื่อเข้าลงทุนในทรัพย์สินประเภทโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ที่มีศักยภาพของบริษัท แมกโนเลีย ดีเวล็อปเมนต์ ควอลิตี้ คอร์ปอเรชั่น (MQDC) ประกอบด้วย 1. ลงทุนในสิทธิการเช่าช่วงอสังหาริมทรัพย์ และสิทธิการเช่าสังหาริมทรัพย์โครงการโรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพฯ 2.เซอร์วิส อพาร์ทเมนท์ และงานระบบต่างๆใน โครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด (MRB) และ 3.ลงทุนในกรรมสิทธิ์โครงการโรงแรมยู เขาใหญ่ (U Khao Yai) มูลค่ากองทรัสต์รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 4,107 ล้านบาท

กองทรัสต์ DTPHREIT เป็นกองทรัสต์ประเภท REIT buy-back ที่มีข้อตกลงในการขายอสังหาริมทรัพย์คืนให้แก่เจ้าของเดิมเมื่อสิ้นสุดปีที่ 3 นับตั้งแต่วันที่กองทรัสต์เข้าลงทุน (Obligation) นอกจากนี้ ในระหว่าง 3 ปี ที่กองทรัสต์เข้าลงทุน ได้มีข้อตกลงในการให้เจ้าของทรัพย์สินเช่ากลับ เพื่อนำทรัพย์สินหรือโรงแรมไปบริหารจัดการ และจ่ายค่าเช่าให้แก่กองทรัสต์ในอัตราที่แน่นอน โดยได้กำหนดอัตราค่าเช่าทั้ง 2 โครงการ ไว้ที่ประมาณ 217.49 ล้านบาทต่อปี และมีการวางเงินประกันเท่ากับค่าเช่าที่ต้องชำระให้แก่กองทรัสต์เป็นจำนวน 3 เดือนซึ่งจะทำให้กองทรัสต์ DTPHREIT มีรายได้ที่มั่นคงแน่นอน

โครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด

“ด้วยรายได้และผลตอบแทนที่แน่นอนสม่ำเสมอ จากการให้เจ้าของทรัพย์สินเช่ากลับโดยกำหนดค่าเช่าคงที่ ทำให้กองทรัสต์ DTPHREIT สามารถจ่ายผลตอบแทนให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้ในอัตรา 7% ต่อปี โดยจ่ายในอัตราคงที่ตลอด 3 ปี นโยบายการจ่ายเงินปันผลทุกไตรมาส นอกจากนี้ เจ้าของยังตกลงที่จะซื้อทรัพย์สินคืนในราคาที่เท่ากับราคาที่กองทรัสต์เข้าลงทุนในวันที่สิ้นสุดปีที่ 3 นับจากกองทรัสต์เข้าลงทุน ทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับเงินลงทุนคืนเต็มจำนวนเมื่อสิ้นสุดปีที่ 3 ” นางสาววนิดา กล่าว

ทั้งนี้ กองทรัสต์จะเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ (Ultra-High Net Worth) โดยมี บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) และ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดจำหน่าย และมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย (KTAM) เป็นทรัสตี

โรงแรมยู เขาใหญ่ (U Khao Yai)

“ขณะนี้อยู่ระหว่างรอสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อนุมัติแบบไฟลิ่งกองทรัสต์ DTPHREIT ซึ่งหลังการอนุมัติคาดว่าจะเสนอขายหน่วยทรัสต์ DTPHREIT ได้ภายในเดือนก.ย.นี้หรือต้นเดือนต.ค.2565 โดยไม่ได้นำหน่วยทรัสต์ DTPHREIT เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เนื่องจากเราเปิดขายหน่วยทรัสต์ครั้งแรกให้แก่กลุ่มผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ โดยไม่ได้เสนอขายให้นักลงทุนทั่วไป “นางสาววนิดา กล่าว

นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MQDC ซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์สิน (sponsor) กล่าวว่า ทรัพย์สินที่ขายให้กองทรัสต์ DTPHREIT ถือเป็นทรัพย์สินที่มีศักยภาพที่สูงมาก ทั้งทำเลที่ตั้งและคุณภาพ และเป็นทรัพย์สินที่มีความสำคัญกับกลุ่มบริษัท โดยวัตถุประสงค์ของการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อนำเงินที่ได้มารองรับการลงทุนเพิ่ม และนำมาชำระหนี้บางส่วน และเป็นเงินทุนหมุนเวียน

หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 คลี่คลายลงอย่างมาก หลายประเทศผ่อนคลายมาตรการและเปิดประเทศให้คนเดินทางมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามามากขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ทิศทางธุรกิจโรงแรมกลับมาฟื้นตัวได้รวดเร็วเช่นกัน ซึ่งจะส่งผลให้ความสามารถในการหารายได้และ มูลค่าทรัพย์สินฟื้นตัวกลับมา ในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างมาก ดังนั้น หลังครบกำหนด 3 ปี บริษัท มีความตั้งใจอย่างยิ่งและมีความพร้อม ในการ ซื้อทรัพย์สินคืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินทรัพย์ที่ขายให้กอง DTPHREIT ขณะนี้มีอัตราการฟื้นตัวรวดเร็วมาก เนื่องจากในช่วงโควิดที่ผ่านมา ทาง MQDC คงอัตราจ้างงานพนักงานโรงแรมทุกแห่งโดยไม่มีการคัดพนักงานออกแม้แต่รายเดียว และมีการดูแลอสังหาริมทรัพย์ให้พร้อมเปิดบริการตลอดเวลาทำให้สามารถกลับมาดำเนินการตามปกติได้ทันทีที่มีการเปิดประเทศ

“จากสถานการณ์ต่างๆที่คลี่คลาย และมีทิศทางดีขึ้น ทำให้เรามั่นใจว่า การท่องเที่ยวจะกลับมาเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตได้อีกครั้ง และธุรกิจต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ธุรกิจบริการจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะโรงแรมและเซอร์วิส อพาร์ทเม้นต์ของบริษัททีกองรีทส์ เข้าลงทุนในครั้งนี้ ตั้งอยู่ในทำเลที่โดดเด่น ใกล้แหล่งท่องเที่ยวใจกลางเมือง บริหารโดยทีมงานชื่อดังระดับสากล จะได้รับประโยชน์โดยตรง ซึ่งจะเป็นปัจจัยเอื้อให้กลุ่มบริษัทสามารถบริหารจัดการ และดำเนินการตามข้อตกลงกับกองรีทส์ได้ เป็นอย่างดี ทั้งการ ชำระ ค่าเช่าให้กองรีทส์ และการซื้อคืนทรัพย์สินได้ตามข้อตกลง” นายวิสิษฐ์ กล่าว

ปัจจุบันโรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ (Waldorf Astoria Bangkok) ซึ่งเป็นโรงแรมลักชัวรี่ส์ ตั้งอยู่ในทำเลราชประสงค์ ใจกลางกรุงเทพฯ มีห้องพักรวม 171 ห้อง บริหารงานโดย HLT Waldorf Astoria ที่อยู่ภายใต้ HILTON worldwide อัตราเข้าพักช่วงก่อนโควิดเฉลี่ยอยู่ที่ 55% หลังจากโรงแรมเพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน ในช่วงโควิดได้รับผลกระทบค่อนข้างสูงเช่นเดียวกับโรงแรมในเมืองหลวงทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ครึ่งปีแรกของปี 2565 อัตราเข้าพักปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วกลับมาอยู่ที่ 32%

เซอร์วิส เรสซิเดนซ์ แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด (MRB) ห้องพักลักชัวรี่ส์รวม 99 ห้อง ตั้งอยู่ในทำเลราชประสงค์ ใจกลางกรุงเทพฯ ภายในบริเวณเดียวกับโรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพฯ บริหารงานโดย คอมพาส ฮอสพิทอลิตี้ โครงการ MRB ได้รับผลกระทบจากโควิดพอสมควรหลังจากที่ผู้เข้าพักซึ่งเป็นชาวต่างชาติเป็นส่วนใหญ่ ไม่สามารถเดินทางข้ามประเทศ อย่างไรก็ตาม 6 เดือนแรกของปีนี้ มียอด Occupancy Rate ฟื้นตัวขึ้นไปอยู่ที่ 87% ส่วนใหญ่เป็นการเช่าระยะยาวจากกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้บริหารระดับสูงทั้งชาวไทยและต่างชาติ (Expat) ของบริษัทขนาดใหญ่รวมถึงข้าราชการระดับสูงและนักการฑูต

โรงแรมยู เขาใหญ่ (U Khao Yai) บริหารงานโดย Absolute Hotel Service ที่มีประสบการณ์และความสามารถในการบริหารโรงแรมที่เป็นที่รู้จักในระดับสากล มีบริการห้องพัก และห้องสวีท ระดับไฮเอนด์ รวม 63 ห้อง ตั้งอยู่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ในทำเลโอบล้อมด้วยป่าเขาธรรมชาติ เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทยผู้มีรายได้สูง มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย (Occupancy Rate) อยู่ในระดับเกิน 80% มาโดยตลอด แม้ในช่วงวิกฤติโควิด-19 ก็ได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อยโดยอัตราการเข้าพักลดลงเหลือราว 64% ในครึ่งปีแรกของปี 2565 อัตราการเข้าพักเฉลี่ยขยับขึ้นมาที่ 81% และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามกลุ่ม MQDC โดย บริษัท ดีทีจีโอ พรอสเพอร์รัส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทด้านการลงทุนและระดมทุนทั่วโลกในอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพและก่อให้เกิดรายได้อย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการลงทุนเชิงนวัตกรรม เพื่อการขยายฐานการลงทุนที่หลากหลาย DTP มีเป้าหมายในการเป็นบริษัทด้านการลงทุนระดับสากล โดยนอกเหนือจากโรงแรมที่กองรีทส์ เข้าลงทุนในครั้งนี้ DTP ยังเป็นเจ้าของโรงแรมในประเทศอังกฤษจำนวน 17 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ทั่วประเทศอังกฤษและมีห้องพัก ทั้งหมด รวมกันประมาณ 3,383 ห้อง และบริหารภายใต้ เครือโรงแรมสากลต่างๆได้แก่ Hilton IHG และ Marriott

นอกจากนี้ในกลุ่มยังมองหาโอกาสในการลงทุนเพิ่ม พร้อมทั้งสนใจจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อลงทุนในสินทรัพย์นอกเหนือจากโรงแรมอย่างสำนักงานออฟฟิศ เป็นต้น