ดาวโจนส์ปิดลบ 308 จุด วิตกเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย ตลาดแรงงานแกร่ง

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ ดัชนีดาวโจนส์ร่วง 308 จุด นักลงทุนวิตกเฟดเดินหน้าเร่งขึ้นดอกเบี้ย เพื่อคุมเงินเฟ้อ คาดปรับขึ้น 0.75% ประชุมเดือนก.ย.นี้ ด้านตลาดแรงงานยังแข็งแกร่ง จับตารายงานข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.ในวันศุกร์นี้ ราคาน้ำมันดิบร่วง 5.5% ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 30 สิงหาคม 2565 ปิดที่ 31,790.87 จุด ลดลง 308.12 จุด หรือ 0.96% จากข้อมูลเศรษฐกิจที่สะท้อนว่าเศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง จึงวิตกว่าอาจทำให้ธนาคารกลาง (เฟด) ใช้ข้อมูลในการเดินหน้าเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,986.16 จุด ลดลง 44.45 จุด, -1.10%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,883.14 จุด ลดลง 134.53 จุด, -1.12

กระทรวงแรงงานรายงานผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนกรกฎาคมว่า เพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 11.2 ล้านตำแหน่ง ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงมาที่ 10.4 ล้านตำแหน่ง นอกจากนี้ยังปรับเพิ่มข้อมูลเดือนมิถุนายนเป็น 11 ล้านตำแหน่งจาก 10.698 ล้านตำแหน่ง

JOLTS เป็นข้อมูลที่เฟดใช้เป็นมาตรวัดภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ยังคงสูงใกล้กับระดับประวัติการณ์ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดยังคงขึ้นดอกเบี้ยในเชิงรุกและน่าจะปรับขึ้น 0.75% ในการประชุมนโยบายการเงินเดือนกันยายน

นักลงทุนวิตกว่า การขึ้นดอกเบี้ยของเฟดและธนาคารกลางในประเทศอื่นเพื่อคุมเงินเฟ้อนั้นจะมีผลทางลบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจและอาจจะกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน

นายจอนห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก ให้ความเห็นว่า ด้วยเหตุที่อุปสงค์ที่ยังคงสูงกว่าอุปทาน จำเป็นที่จะต้องดึงดอกเบี้ยให้สูงกว่า 0% จึงต้องมีนโยบายที่เข้มงวดเพื่อชะลออุปสงค์ลง และตอนนี้ก็ยังไม่บรรลุเป้าหมาย

ด้านมาดิส มูลเลอร์ผู้ว่าการ ธนาคารกลางเอสโธเนียและผู้กำกับนโยยายของธนาคารกลางสหภาพยุโรปกล่าวว่า ECB น่าจะถกเถียงถึงการขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมนโยบายการเงิน เดือนกันยายนเพราะเงินเฟ้อยังสูงมาก

UBS มองว่ามีความเป็นไปได้ถึง 60% ที่สหรัฐฯจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีหน้า ขณะที่สตีเว่น โรชอดีตประธานมอร์แกน สแตนเล่ย์ เอเชียให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีว่า ว่า ต้องพึ่งปาฏิหารย์เท่านั้นที่เศรษฐกิจสหรัฐฯจะเลี่ยงภาวะถดถอยได้ เพราะนโยบายการเงินที่ปกติใช้เวลาระยะหนึ่งจะได้ผลนั้น เริ่มจะเห็นแล้ว

Conference Board สถาบันวิจัยเศรษฐกิจ รายงานดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 103.2 จาก 95.3 ในเดือนกรกฎาคมและสูงกว่า 97.7 ที่นักวิเคราะห์คาด

ด้านเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์รายงานราคาบ้านทั่วประเทศเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 18.0% เมื่อเทียบรายปี แต่ต่ำกว่าระดับ 19.9% ในเดือนพฤษภาคม

หุ้นกลุ่มน้ำมันนำการปรับลงหลังราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวลง โดยหุ้นฮัลลิเบอร์ตันลดลงกว่า 5% หุ้นไดมอนด์แบคและหุ้นมาราธอนต่างลดลงกว่า 4% หุ้นเชฟรอนลดลง 2%

นักลงทุนจับตาการรายงานข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนสิงหาคมในวันศุกร์นี้ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 300,000 ตำแหน่งและอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ 3.5%

หุ้น Snap ลดลง 2.7% หลังประกาศลดพนักงานลง 20%

หุ้น Nvidia ลดลง 3.8% หุ้นAMD ลดลง 3.3%

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานที่ลดลง 3% นักลงทุนวิตกกับแนวโน้มดอกเบี้ยที่สูงขึ้นหลังนายมาดิส มูลเลอร์ผู้ว่าการ ธนาคารกลางเอสโธเนียและผู้กำกับนโยบายของธนาคารกลางสหภาพยุโรป (ECB) กล่าวว่า ECB น่าจะถกเถียงถึงการขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมนโยบายการเงิน เดือนกันยายนเพราะเงินเฟ้อยังสูงมาก ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางประเทศอื่น

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 419.81 จุด ลดลง 2.84 จุด, -0.67%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,361.63 จุด ลดลง 65.68 จุด, -0.88%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,210.22 จุด ลดลง 12.06 จุด, -0.19%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,961.14 จุด เพิ่มขึ้น 68.15 จุด, +0.53%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนตุลาคมลดลง 5.37 ดอลลาร์ หรือ 5.5% ปิดที่ 91.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนตุลาคมลดลง 5.78 ดอลลาร์ หรือ 5.5% ปิดที่ 99.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล