ดาวโจนส์ปิดลบ 184 จุด กังวลขึ้นดอกเบี้ย รอข้อมูลเศรษฐกิจ

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดร่วง ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 184 จุด นักลงทุนยังคงกังวลการปรับขึ้นดอกเบี้ยและนโยบายการเงินตึงตัวของเฟด ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปรับตัวขึ้นเหนือ 3.1% พร้อมจับตาข้อมูลเศรษฐกิจหลายประเทศในสัปดาห์นี้ ทั้งของจีน สหรัฐ และยูโรโซน ด้านราคาน้ำมันดิบพุ่ง 4% ราคา WTI เพิ่มขึ้น 3.95 ดอลลาร์ ปิดที่ 97.01 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ฟากตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลง แรงขายกลุ่มเทคโนโลยีนำ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 29 สิงหาคม 2565 ปิดที่ 32,098.99 จุด ลดลง 184.41 จุด หรือ 0.57% แม้อยู่ในแดนบวกช่วงหนึ่ง จากแรงขายที่ต่อเนื่อง ด้วยความกังวลต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยและนโยบายการเงินตึงตัว

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,030.61 จุด ลดลง 27.05 จุด, -0.67%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,017.67 จุด ลดลง 124.04 จุด, -1.02%

ในตลาดพันธบัตร อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปรับตัวขึ้นเหนือ 3.1% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีเพิ่มขึ้นไปที่เหนือ 3.4% สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2007

แรงขายในตลาดเกิดขึ้นหลังจากนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลาง(เฟด)ย้ำในการประชุมประจำปีว่า เฟดจะยังคงดำเนินนโยบายการเงินในเชิงรุกเพื่อดึงเงินเฟ้อลง แม้มีผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ

นิโคลาส โคลาส จาก DataTrek ระบุในบทวิเคราะห์ว่า สุนทรพจน์ของนายพาวเวลล์เตือนว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีมีผลต่อตลาดหุ้นมากกว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.75% หรือ 0.50% ในการประชุมครั้งหน้า และชี้ว่าหุ้นขนาดใหญ่(large-cap)อ่อนไหวต่อ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี

คริส เซนเยค จาก Wolfe Research คาดว่า เฟดอาจจะปรับดอกเบี้ย fed funds rate ขึ้นมาที่ 4.5% เพื่อดึงเงินเฟ้อลงต่อเนื่องให้เข้าใกล้กรอบเป้าหมายระยะยาว 2% ส่วนผลของการลด QE เดือนละ 95 พันล้านดอลลาร์ที่จะเริ่มขึ้นในเดือนกันยายนยังประเมินไม่ได้ น่ากังวล

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วง โดยหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ ลดลง 1.6% หุ้นแอปเปิล ลดลง 1.4% หุ้นไมโครซอฟต์ ลดลง 1.1% หุ้นอัลฟาเบท ลดลง 0.8%

หุ้นกลุ่มพลังงานเพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมัน WTI บวกกว่า 4% โดย หุ้นออคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม เพิ่มขึ้น 2.3% หุ้นเชฟรอนเพิ่มขึ้น 0.7% หุ้นเอ็กซอน โมบิล เพิ่มขึ้น 2.3%

อดัม ไครซาฟุลลี จาก Vital Knowledge ระบุว่า ขณะที่แรงขายที่มีขึ้นตั้งแต่วันศุกร์ลดลง แต่ไม่มีความต้องการซื้อที่แท้จริงมากนัก แม้แต่ตลาดขาขึ้นก็ต้องรอข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคที่สำคัญของสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนี PMI ของจีนและดัชนี CPI ของยูโรโซนและรายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ ก่อนจะกลับไปเป็นการซื้อ

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจหลายประเทศในสัปดาห์นี้ ทั้งของจีน สหรัฐ และยูโรโซน

ไมค์ วิลสัน จากมอร์แกนสแตนเล่ย์กล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยหลักของตลาดหุ้นคือ ผลการดำเนินงานที่อ่อนแอ ดังนั้นตลาดหุ้นในครึ่งหลังของปีจะถูกชี้นำด้วยการคาดการณ์ผลประกอบการในปีหน้า นักลงทุนจึงควรมองไปที่ความเสี่ยงไม่ใช่ที่การดำเนินนโยบายของเฟด เพราะเป็นช่วงที่ผลการดำเนินงานอ่อนแอสุดของปี ขณะที่เงินเฟ้อมีผลต่อกำไรและความต้องการ

เทรซี แมคมิลเลียนจากWells Fargo กล่าวว่า การคาดการณ์ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 และ 4 มีแนวโน้มที่จะปรับลดลง

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มเทคโนโลยีที่ลดลง 2.4% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้นจากการให้ความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลายรายชี้ถึงการดำเนินนโยบายการเงินเชิงรุกเพื่อคุมเงินเฟ้อท่ามกลางความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นว่าเศรษฐกิจจะถดถอย

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของเยอรมนีปรับตัวขึ้น 10 จุดมาที่ระดับสูงสุดรอบ 2 เดือน

อิสซาเบล ชนาเบิล กรรมการธนาคารกลางสหภาพยุโรป(ECB) กล่าวว่าธนาคารกลางต่างๆจะต้องดำเนินการอย่างแข็งขันในการต่อสู้กับเงินเฟ้อ แม้จะดึงให้เศรษฐกิจถดถอย ขณะที่ฟรองซัวส์ วิลเลรอย สมาชิกสภาบริหาร และมาร์ตินส์ คาแซคส์ ผู้กำหนดนโยบายของ ECB ได้ส่งสัญญาณถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ในเดือนกันยายน

ตลาดามีโอกาส 2 ใน 3 ที่ ECB อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 0.75% ในเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 24% จากสัปดาห์ก่อน นอกจากนี้นักลงทุนจับตาการรายงานข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของยูโรโซนในสัปดาห์นี้

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 422.65 จุด ลดลง 3.44 จุด,-0.81%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,222.28 จุด ลดลง 51.98 จุด, -0.83%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,892.99 จุด ลดลง 78.48 จุด, -0.61%

ส่วนตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการ

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 3.95 ดอลลาร์ หรือ 4.2% ปิดที่ 97.01 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 4.10 ดอลลาร์ หรือ 4.1% ปิดที่ 105.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล