บล.คิงส์ฟอร์ดคาดหุ้นลง 1-2% ตามภูมิภาค รอซื้อกลุ่มค้าปลีก-อาหาร

HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET มีโอกาสปรับลดลง 1- 2% ตามดัชนีภูมิภาคหลังประธานเฟดยันขึ้นดอกเบี้ยจนกว่าเงินเฟ้อลง วางแนวรับที่ 1,610 – 1,618 จุด แนะซื้อช่วงดัชนีอ่อนตัวแนะกลุ่มค้าปลีก CPALL,MAKRO, BJC อาหาร CPF, ASIAN, TU, TFG พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่น TIPH,CPALL

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET มีโอกาสปรับลดลง 1% – 2% ตามดัชนีภูมิภาค วางแนวรับที่ 1,610 – 1,618 แนะนำซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัวในกลุ่มค้าปลีก CPALL,MAKRO, BJC อาหาร CPF, ASIAN, TU, TFG

สัปดาห์ที่ผ่านมา DJIA -4.8%, S&P500 -4%, Nasdaq -4.4% WoW หลังเจอโรม พาวเวลแถลงในงานประจำปีเฟดที่แจ๊คสัน ยืนยันนโยบายปรับขึ้นดอกเบี้ยจนกว่าเงินเฟ้อสหรัฐจะลงสู่ระดับ Neutral rate ที่ 2% และไม่รีบผ่อนคลายนโยบายจนกว่าจะแน่ใจว่าเงินเฟ้อปรับลดลงจริง ๆ ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณ Hawkish มากกว่าตลาดคาด จากเดิมคาดเฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยลงในครึ่งปีหลัง 2023 และคาดอัตราดอกเบี้ยสหรัฐปีหน้ามีโอกาสปรับขึ้นที่ระดับ 4 % จากเดิ

หุ้นแนะนำ ได้แก่ TIPH (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 77.50 บาท) ผลประกอบการ 2Q65 ออกมาขาดทุนสุทธิ 318 ล้านบาท แต่เกิดขึ้นจากรายการ One-Off จากการเคลม Covid ที่มีผลย้อนหลังไป 6 เดือน ขณะที่ผลการดำเนินงานปกติยังคงเติบโตจากรายได้เบี้ยประกันภัยรับสุทธิที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ประเด็นลบดังกล่าวน่าจะรับรู้ไปหมดแล้ว

ขณะที่ผลประกอบการ 3Q65 จะกลับมาเติบโตเด่นจากทั้งรายได้เบี้ยประกันภัยและ Loss Ratio ที่ลดลง เนื่องจากประกัน Covid ส่วนใหญ่หมดไปในช่วง 2Q65 แล้ว รวมถึงคาดว่าจะมีโมเมนตัมบวกต่อใน 4Q65 จากปัจจัยฤดูกาลในส่วนของลูกค้าภาครัฐ

หุ้น CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 74.00 บาท) สำหรับแนวโน้มของ ไตรมาสที่ 3/2565 เบื้องต้น เรามองว่าการดำเนินงานจะฟื้นตัวได้ดี YoY จากฐานที่ต่ำในช่วง 3Q64 และ ตามจำนวน Traffic คนเดินทางประจำวัน/ เดินทางข้ามจังหวัดที่ฟื้นตัวในภาพ YoY จากการล็อกดาวน์เป็นระยะๆในปีก่อนโดยเฉพาะ 7-11 ที่มีสาขาตามปั๊มอยู่ถึงราว 15% และบริเวณ กทม. ราว 43%

ด้านฝั่ง Makro-Lotus เราคาดว่าการฟื้นตัวดีจะมาจากรายได้ค่าเช่า และกลุ่มลูกค้า HoReCa(Hotels/Restaurants/Cafe-Catering) ที่คาดว่าจะเห็การกลับมาพร้อมกับกิจกรรมต่างๆที่กลับสู่ปกติหลัง Covid-19 ปัจจุบัน เราประมาณการกำไรสุทธิของปี65 และ 66 อยู่ที่ 15,554 ลบ.(+19.78%YoY) และ 20,827 ลบ.(+33.90%YoY) ตามลำดับ