ทองร่วง 6.60 ดอลลาร์หลังเฟดขึ้นดอกเบี้ย

“ทองคำ” ร่วง 6.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% มองแนวต้าน 1,207 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่ผ่าน รอดูบริเวณ 1,191-1,187 ดอลลาร์ต่อออนซ์

บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส ระบุว่า ราคาทองคำวานนี้ปรับตัวลดลง 6.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงกดดันจากผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 2.00-2.25% ในการประชุมที่เสร็จสิ้นลงวานนี้ และยังส่งสัญญาณว่าเฟดจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งก่อนสิ้นปีนี้ และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีหน้า

กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ รอดูบริเวณ 1,191-1,187 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากหลุดลงมาให้ชะลอการซื้อออกไปเพื่อรอดูการตั้งฐานของราคา ทั้งนี้ควรคำนึงถึงการเหวี่ยงตัวของราคาทองคาที่ยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบเหมือนช่วงที่ผ่านมา โดยราคาทองคำเกิดแรงขายกดดันให้ราคาอ่อนตัวลงหลังจากที่ดีดตัวขึ้นมา เบื้องต้นมีแนวต้านระยะสั้นที่ 1,207 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถผ่านไปได้ ประเมินว่าจะเกิดแรงขายกดดันมาเข้าใกล้ 1,191-1,187 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากสามารถยืนเหนือบริเวณแนวรับดังกล่าวได้หลายชั่วโมง มีแนวโน้มขึ้นทดสอบโซนแนวต้านอีกครั้ง

สำหรับถ้อยแถลงของเฟดสิ่งที่น่าสนใจคือเฟดได้มีการตัดข้อความที่มักจะระบุว่า นโยบายการเงินของเฟดยังคงมี “ความผ่อนคลาย : accommodative” ออกไปจากแถลงการณ์ของเฟด ขณะที่ Dot Plot ของเฟดยังมีการปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

พร้อมกันนี้ในรายงาน Economic Projections เฟดยังทำการปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ GDP ในปีนี้และปีหน้าอีกด้วย ทาให้โดยรวมแล้วผลการประชุมครั้งนี้เป็นไปในเชิงสายเหยี่ยว (Hawkish Tone) ส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าจนกดดันให้ราคาทองคำร่วงลงไปแตะระดับต่ำสุดบริเวณ 1,190.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในระหว่างการซื้อขาย ก่อนที่ดอลลาร์จะลดช่วงบวกลงหลังจากนักลงทุนซึมซับข่าวจึงขายทำกำไรดอลลาร์ออกมาจนช่วยหนุนให้ราคาทองคาฟื้นตัวขึ้นมาปิดระดับบริเวณ 1,194.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์

สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยประมาณการครั้งสุดท้าย GDP ไตรมาส 2/2018, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่ง, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายและจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐ