คาดหุ้นไทยร่วงตามตลาดโลก ชูกลุ่มแบงก์แข็งแรง

HoonSmart.com>> ประธานเฟด สร้างความปั่นปรวนให้กับการลงทุนโลกอีกครั้ง กล่าวย้ำจุดยืนดำเนินนโยบายการเงินเข้มงวดเกินกว่าที่ตลาดคาด  ดอกเบี้ยคงระดับสูงเป็นเวลานาน พร้อมเตือนภาวะเศรษฐกิจ กระหน่ำ 3 ตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งมากกว่า 3% ฉุดหุ้นยุโรป-ทอง-บิทคอยน์ทรุดตาม ตลาดคาดเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% เดือนก.ย.กดดันกนง. หุ้นเอเชียเปิดตลาด 29 ส.ค.หนีไม่พ้น ร่วงหนักตาม นักวิเคราะห์แนะกลุ่มแบงก์แข็งแรง เชียร์ BBL, KKP

นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมประจำปี (26 ส.ค.2565) ย้ำจุดยืนการดำเนินนโยบายการเงินเข้มงวด เพื่อดึงเงินเฟ้อให้ต่ำลง พร้อมเตือนถึงภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 32,283.40 จุด ร่วงลง 1,008.38 จุด หรือ 3.03% หลุดต่ำกว่าระดับ 33,000  จุด ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,057.66 จุด ลดลง 141.46 จุด, -3.37% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,141.71 จุด ลดลง 497.56 จุด, -3.94%

สุนทรพจน์ของนายพาวเวลล์สะท้อนถึงนโยบายการเงินที่เข้มงวดเกินกว่าที่ตลาดคาด โดยเฟดยังคงเดินหน้าต่อสู้กับเงินเฟ้อและเตือนว่าเฟดจะยังคงขึ้นดอกเบี้ยที่อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ

“การทำให้ระดับราคากลับมามีเสถียรภาพอาจจำเป็นต้องคงจุดยืนของนโยบายที่เข้มงวดไว้สักระยะ ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาเตือนไว้อย่างชัดแจ้งให้ระมัดระวังต่อการผ่อนคลายนโยบายก่อนเวลาอันควร” นายพาวเวลล์กล่าว

นโยบายการเงินที่เข้มงวด “ในระยะหนึ่ง” หมายถึงการเติบโตที่ช้าลง ตลาดงานที่อ่อนแอ และส่งผลกระทบต่อครัวเรือนและธุรกิจ นายพาวเวลล์ กล่าวและว่า แต่หากระดับราคาไม่มีเสถียรภาพจะสร้างผลกระทบที่รุนแรงกว่า

แต่นายพาวเวลล์ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าเฟดจะดำเนินการอย่างไรในการประชุมนโยบายการเงินวันที่ 20-21 ก.ย.2565 แต่ตลาดคาดว่าเฟดจะปรับดอกเบี้ยขึ้น 0.75%

ขณะเดียวกันเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และตลาดตราสารหนี้เกิดภาวะ inverted yield curve อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปีสูงกว่าอายุ 5 ปีและอายุ 10 ปี นักลงทุนพากันเทขายพันธบัตรระยะสั้น และเข้าซื้อระยะยาวท่ากลางความกังวลเศรษฐกิจระยะสั้น

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลงมากกว่า 1%  ด้านสัญญาซื้อขายทองล่วงหน้าก็ปรับตัวลงมากกว่า 1% ส่วนเหรียญบิทคอยน์ ราคาที่เคลื่อนไหวเหนือ 21,000 ดอลลาร์ ก็ไหลลงมาอยู่บริเวณ 20,000 ดอลลาร์

สุนทรพจน์ของนายพาวเวลล์จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นเอเชียที่จะเปิดทำการในวันจันทร์ที่ 29 ส.ค.2565 อย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น นโยบายการเงินที่เข้มงวด ตลาดคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในเดือนก.ย. สร้างแรงกดดันให้ที่ประชุมกนง.วันที่ 28 ก.ย.2565 ปรับขึ้นดอกเบี้ยตามอย่างน้อย 0.25% และธนาคารพาณิชย์คงจะต้องปรับขึ้นตาม หลังชะลอการปรับขึ้นตามครั้งที่ผ่านมา ส่งผลทางจิตวิทยาต่อกลุ่มธนาคารพาณิชย์

บล.ทรีนีตี้ คาดกลุ่มแบงก์ มี Sentiment ที่ดีขึ้นรับข่าวบวกจากบล.ไทยพาณิชย์ล้มดีลซื้อหุ้น Bitkub ส่งผลดีต่อหุ้น บริษัท เอสซีบี เอกซ์ (SCB)ที่สำคัญกลุ่มแบงก์ ยังเป็น Sector หนึ่งที่สามารถ Leverage กับเศรษฐกิจภายในที่ถือว่าดีขึ้นจากการเปิดประเทศได้แต่ถือว่าปรับตัวเพียง Sideways นับตันับตั้งแต่เข้าสู่ไตรมาส 3 ในส่วน
Top pick ยังคงเลือกธนาคารกรุงเทพ( BBL) ด้วยมิติของความปลอดภัยและราคาหุ้นยังคง Laggard กลุ่ม โดยมีราคาเป้าหมายเดิมอยู่ที่ 156 บาท

นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า คณะกรรมการธนาคารมติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 1.50 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 8 ก.ย.และ ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 7 ก.ย.2565 กำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 23 ก.ย. 2565 คิดเป็นอัตราผลตอบแทนประมาณ 1.09% เทียบกับราคาหุ้นปิดที่ 138 บาท ณ วันที่ 26 ส.ค.2565

ทั้งนี้ BBL จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลปีนี้สูงกว่ากลางปีก่อนที่ให้ผู้ถือหุ้น  1 บาท/หุ้น

บล.กสิกรไทยแนะนำหุ้นธนาคารเกียรตินาคินภัทร( KKP) ให้ราคาพื้นฐาน 90 บาท เนื่องจากทิศทางกำไรครึ่งปีหลัง แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก ได้แรงหนุนจากธุรกิจตลาดทุน และวาณิชธนกิจ มูลค่าหุ้น KKP ถูกเกินไป ซื้อขายด้วย P/BV ปี 2565 ที่ 0.98 เท่า เทียบกับ ROE ที่แข็งแกร่งที่ 14.5% คาดว่าอัตราตอบแทนเงินปันผลในปี 2565-2566 จะอยู่ในระดับสูงที่ 7%, 7.7%

ส่วนหุ้น SCB โบรกเกอร์ทั้ง 13 โบรกเกอร์มีมติเป็นเอกฉันท์แนะนำ”ซื้อ” ราคาเป้าหมายเฉลี่ย 138.4 บาท โดยบล.โนมูระ พัฒนสินให้เป้าหมายสูงสุด 155 บาทและบล.โดอา(ประเทศไทย) ตีมูลค่าเหมาะสมต่ำสุด 125 บาท

บล.โนมูระพัฒนสิน คาดกำไรของ SCBในไตรมาสที่ 3/2565 โต YoY และ QoQ ตามการขยายตัวของสินเชื่อ และการเพิ่มขึ้นของ yield on loan ตามทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น และไตรมาสที่ 4 คาด SCB Bank จะจ่ายปันผลให้ SCB  จำนวน 61,000  ล้านบาท เพื่อการรับอนสินทรัพย์และการขยายไปยังธุรกิจใหม่ เพื่อการต่อยอดการเติบโตระยะยาว โดยประเมินกำไรปีนี้  4.06   หมื่นล้านบาท เติบโต 14%

ด้านราคาหุ้นยัง Undervalued ซื้อขาย P/BV เพียง 0.8 เท่า และคาดจะกลับมาเทรด Premium ได้ หลังทยอย unlock value + ปลด Overhang โดยค่าเฉลี่ยของ
บริษัทที่ 1.2 เท่า และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในอดีตที่ 1.0 เท่า หลังยกเลิกดีลบิทคับได้รับอนุมัติให้ทำ Exchange การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิตัล  มีโอกาสกลับสำรอง NPLs จาก PACE ช่วงที่เหลือของปี

บล.ดาโอ(ประเทศไทย) มองบวกต่อการเลิกดีลถือเป็นการปลอดล็อก Overhang กับราคาหุ้น  SCB เนื่องจากตลาดมีความกังวลต่อดีลนี้ค่อนข้างมากจากมูลค่าเข้าซื้อเทียบกับปัจจุบันถือว่าแพงเกินไป อิงจากมูลค่าซื้อขายของ Bitkub ที่ปรับตัวลงมากกว่า 50% YTD

การยกเลิกดีลนี้ไม่มีค่าปรับ มีเพียงค่าใช้จ่ายทำดีลต่อทำ Due Diliigence มูลค่าไม่มากเทียบกับฐานกำไร หลังจากนี้ SCB อาจจะมีการทำ digital asset exchange เพราะมีใบอนุญาตทำอยู่แล้ว หรือหาพันธมิตรใหม่ ซึ่งยังไม่ต้องรีบมากเพราะตลาดคริปโตยังไม่ดีมาก

“เรายังไม่ได้รวมดีลนี้ในประมาณการ คงคาดกำไรสุทธิในปีนี้อยู่ที่ 3.7 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% คาดว่าแนวโน้มกำไรในไตรมาสที่ 3 จะเพิ่มขึ้นได้เทียบกับปีก่อน จากสำรองที่ลดลงเป็นหลัก  คาดหวังจากธุรกิจใหม่ที่เริ่มเห็นความชัดเจนมากขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4 เป็นต้นไป จะส่งผลแนวโน้มกำไรในปี 2566 จะกลับมาโตดีดีที่ 13% แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 125 บาท อิงประมาณการ P/E ปีนี้ที่ 0.90 เท่า”บล.ดาโอฯระบุ