ALPHAX เปิดกลยุทธ์ Big Change 3 ธุรกิจแกร่ง มาร์จิ้นสูง-โตทุกปี 20%

HoonSmart.com>> “อัลฟ่า ดิวิชั่นส์”ฉายภาพผู้นำ 3 ธุรกิจแกร่ง เดินหน้าลุยโครงการอสังหาฯแนวราบ ตุนงานในมือ ปั้น New S-Curve ธุรกิจเช่าซื้อและปล่อยสินเชื่อในสปป.ลาว ผ่าน “มะหะทุน เช่าสินเชื่อ” ผู้นำตลาดปล่อยกู้ซื้อมอเตอร์ไซค์ในกรุงเวียงจันทน์ ปีนี้เล็งปล่อยกู้ซื้อทอง-นาโนไฟแนนซ์  ส่วนธุรกิจสกัดกัญชงรอแค่ อย.ขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ของลูกค้า ลั่นผลงานปีนี้เติบโตก้าวกระโดดตามนัด

นายธีร ชุติวราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลฟ่า ดิวิชั่นส์ (ALPHAX) เปิดเผยถึงแผนกลยุทธ์ในครึ่งหลังของปี 2565 จะเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ (Big Change) โดยกลุ่มบริษัทฯ จะมีการปรับโครงสร้างธุรกิจ เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจเช่าซื้อ-ปล่อยสินเชื่อ และธุรกิจกัญชงกัญชา เห็นการเติบโตที่โดดเด่นทั้งรายได้และกำไร  คาดว่าจะสร้างการเติบโตได้ไม่น้อยกว่า 20% ต่อปี  ขณะที่ธุรกิจมีอัตรากำไรสุทธิสูง

ในส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงปลายปีนี้ เตรียมเปิดโครงการบ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ The valor รามอินทรา 62 มูลค่าโครงการ 480 ล้านบาท มีเพียง 23 หลัง คาดว่าเริ่มโอนและรับรู้รายได้ภายในปีนี้ทั้งหมด และวางแผนเปิดอีก 4 โครงการมูลค่าราว 1 หมื่นล้านบาท เพิ่มงานในมือรับรู้รายได้ในปี 2566

นายธีรกล่าวว่า ธุรกิจเช่าซื้อ-ปล่อยสินเชื่อ ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ดำเนินการผ่าน บริษัท มหทุน โฮลดิ้ง  (MHTH) ซึ่ง ALPHAX ถือหุ้นในสัดส่วน 76.78% และ MHTH เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท มะหะทุน เช่าสินเชื่อ มหาชน (MHTL) ซึ่งประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ รถมือสอง และเครื่องจักรกลการเกษตร ในนครเวียงจันทน์ เตรียมออกโปรดักส์ใหม่รองรับดีมานด์ลูกค้า และขยาย 4 สาขา โดยเตรียมเปิดตัวสินเชื่อทองคำ-รถยนต์ Luxury-นาโนไฟแนนซ์กลายปีนี้ ตั้งเป้าพอร์ตรวมสินเชื่อโตแตะ 600 ล้านบาท จากปัจจุบัน 400 ล้านบาท

“ ธุรกิจเช่าสินเชื่อในลาว บริษัทฯ เข้าถือหุ้นใหญ่และเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงไตรมาส 2 บางส่วน ในช่วงครึ่งปีหลัง จะรับรู้เข้ามาเต็มที่  ความต้องการซื้อสูงมาก ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร คาดว่าสินเชื่อทองคำ และสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์จะเติบโตมาก ผ่านการใช้ฐานลูกค้าเดิมของมะหะทุนเช่าสินเชื่อที่มีจำนวนกว่า 80,000 ราย นอกจากนี้ยังเป็นธุรกิจที่มีอัตรากำไรสุทธิสูงมาก”นายธีรกล่าว

บริษัทฯได้สินเชื่อจากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(EXIM BANK) วงเงิน 20 ล้านดอลลาร์ แบ่งใช้เป็นงวด ๆ แรก 4.5 ล้านดอลลาร์ อัตราดอกเบี้ยประมาณ 4% ต่อปี ขณะที่บริษัทนำไปปล่อยสินเชื่อในลาวดอกเบี้ยคงที่ 3.25% ต่อเดือน  ทำให้อัตรากำไรของบริษัทจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ  รวมถึงการพิจารณาอนุมัติจะรวดเร็วขึ้นจาก1 วัน ตั้งเป้าให้ไม่เกิน 3 ชั่วโมง โดยกลุ่มบริษัทฯ อยู่ระหว่างการพัฒนาแพลตฟอร์ม Digital Lending เพื่อนำมาใช้ในการขยายธุรกิจทั้งในไทยและลาว สอดรับแผนการก้าวสู่ความเป็นผู้นำ Fintech ของกลุ่มบริษัท

สำหรับธุรกิจสกัดสารกัญชง-กัญชา บริษัทฯเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีก 100 เท่า โดยได้มีการสั่งซื้อเครื่องจักรแล้ว ซึ่งมีศักยภาพในการป้อนวัตถุดิบ 30,000 กิโลกรัม ต่อเดือน และมีกำหนดเดินเครื่องผลิตในช่วงไตรมาส 4/2565 แต่กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ยังอยู่ระหว่างรอความชัดเจนเกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์สินค้าของ อย. ซึ่งหากมีความชัดเจนก็มีความพร้อมสามารถที่จะเดินเครื่องผลิตได้ทันที

หลังจากที่ภาครัฐได้ปลดล็อกกัญชาจากยาเสพติด ในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา บริษัทฯได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “ช่อดอกกัญชาเกรดพรีเมียม” ซึ่งเป็นสายพันธุ์ต่างประเทศกว่า 25 สายพันธุ์ ภายใต้แบรนด์ CRAFT ORIGINAL รวมทั้งมีจำหน่ายในร้านค้าพันธมิตรตามจังหวัดต่างๆในทุกภาค สามารถสร้างยอดขายเพียงแค่ครึ่งเดือนมิ.ย.ได้กว่า 16 ล้านบาท คาดว่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท

“ นักลงทุนจะได้เห็น Big Change ในกลุ่มธุรกิจของ ALPHAX เราเลือกเป็น The First มากกว่า The Best  ซึ่งแต่ละหน่วยธุรกิจทำธุรกิจให้ดีดีที่สุด พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำ ไม่ว่าจะเป็นอสังหาฯ ที่เตรียมเปิดตัวโปรเจคใหม่แนวราบ ตอบโจทย์ลูกค้าในระดับไฮเอนด์ ขณะที่ธุรกิจเช่าซื้อและปล่อยสินเชื่อใน สปป.ลาว จะเป็นผู้นำตลาดรายแรกที่เตรียมปล่อยกู้ซื้อทองคำ และนาโนไฟแนนซ์ และธุรกิจสารสกัดกัญชงกัญชา พร้อมเสิร์ฟสินค้าป้อนให้กับลูกค้าได้ทันที หากกฎหมายชัดเจน ทำให้กลุ่มบริษัทฯ พร้อมจะโตแบบก้าวกระโดดในครึ่งปีหลังตามแผนงานที่วางไว้” นายธีร กล่าว

บริษัทมุ่งดำเนินธุรกิจเพื่อพัฒนาอย่างยั่งยืน มีรายได้ประจำประมาณ 20-30% จากดอกเบี้ยในการปล่อยสินเชื่อ และค่าเช่าอสังหาริมทรพย์ เพื่อลดความผันผวนของรายได้และกำไร คาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้จากอสังหาริมทรัพย์ 70% ธุรกิจกัญชงกัญชา 15% และ ธุรกิจสินเชื่อใน สปป.ลาว 15% จากนั้นในปี 2566  รับรู้รายได้ของธุรกิจสปป.ลาวเข้ามาเต็มที่ทำให้สัดส่วนรายได้จากอสังหาริมทรัพย์ปรับลงมาเป็น 50-55% ธุรกิจสินเชื่อใน สปป.ลาว 20% ส่วนที่เหลือจะมาจากธุรกิจกัญชงกัญชา ทั้งนี้ ผลขาดทุนที่ผ่านมา เป็นการเกิดขึ้นทางบัญชีจากความผันผวนของเงินกีบเท่านั้น ส่วนกำไรที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ จะไม่เลือกการจ่ายเงินปันผล เนื่องจากได้ให้ผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นเกือบ 5% ผ่านการออกวอร์แรนต์ในรุ่นต่างๆ ขอยืนยัน บริษัททำธุรกิจจริง ไม่ได้มีเป้าหมายในการปั่นหุ้น