HoonSmart.com>> “ปตท.น้ำมันและค้าปลีก” ส่ง Modulus บริษัทย่อย เข้าลงทุน “ดุสิต ฟู้ดส์” สัดส่วน 25% ในกลุ่ม” ดุสิตธานี” ที่ลงทุนในธุรกิจอาหารตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพิ่มความหลากหลายธุรกิจ มูลค่าเงินลงทุนไม่เกิน 299.6 ล้านบาท ด้านบล.ทรีนีตี้มองดีลบวก ให้ราคาเป้าหมาย OR ปีหน้า 33.50 บาท
บริษัท ปตท.น้ำมันและค้าปลีก (OR) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการการจัดการ (ORMC) เมื่อวันที่ 8 ส.ค.2565 มีมติอนุมัติให้บริษัท มอดูลัส เวนเจอร์ (Modulus) บริษัทย่อยของ OR เข้าลงทุนโดยการซื้อหุ้นสามัญเดิม และหุ้นเพิ่มทุน ของบริษัท ดุสิต ฟู้ดส์ (DF) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ดุสิตธานี (DUSIT) ในวงเงินไม่เกิน 299.6 ล้านบาท
ภายหลังการเข้าลงทุนดังกล่าวจะทำให้ Modulus มีสัดส่วนการถือหุ้น 25% และกลุ่ม DUSIT มีสัดส่วนการถือหุ้น 75% ของหุ้นทั้งหมด โดย DF เป็นบริษัทที่ลงทุนในธุรกิจอาหารตลอดห่วงโซ่อุปทาน โดยเน้นธุรกิจอาหารที่มีการเติบโตสูงและเชื่อมโยงกับธุรกิจอาหารของกลุ่มบริษัทในเครือทั้งธุรกิจโรงแรม และสถาบันการศึกษา
การลงทุนครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพธุรกิจไลฟ์สไตล์ของ OR โดยเพิ่มความหลากหลายของการดำเนินธุรกิจอาหาร รวมทั้งสร้างโอกาสในการเติบโตร่วมกันทั้งในและต่างประเทศ
ทั้งนี้ Modulus ได้ลงนามในสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้น และสัญญาอื่นที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว
นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ OR เปิดเผยว่า OR เดินหน้าตามวิสัยทัศน์ใหม่ “เติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโต ร่วมกัน” ที่มุ่งสร้างโอกาสในการเติบโตร่วมกันกับพันธมิตร โดยมุ่งเน้นประสานความร่วมมือเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจและเพื่อร่วมเติมเต็มศักยภาพ เดินหน้าสู่การเติบโตและก้าวสู่ความสำเร็จไปด้วยกันอย่างยั่งยืน (Inclusive Growth) ในทุกมิติ ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจของโลก
“การร่วมกับกลุ่มดุสิตธานี ลงทุนใน บริษัท ดุสิต ฟู้ดส์ ซึ่งดำเนินธุรกิจอาหารที่หลากหลายและมีศักยภาพในการเติบโตในครั้งนี้ จะเป็นการเสริมสร้างศักยภาพธุรกิจไลฟ์สไตล์ของ OR โดยเฉพาะธุรกิจอาหาร ทั้งที่เป็นธุรกิจที่ OR ดำเนินการเองและธุรกิจของพันธมิตรที่ OR เข้าไปร่วมลงทุน ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น สอดคล้องกับหนึ่งในพันธกิจของ OR ที่มุ่งสร้างทางเลือกเพื่อเติมเต็มความสะดวกและตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคทุกไลฟ์สไตล์อย่างครบวงจร อีกทั้งยังเป็นการสร้างโอกาสในการเติบโตร่วมกันกับผู้ประกอบการแบรนด์ไทยเพื่อการเติบโตทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเป็นไปตามแนวทางการดำเนินธุรกิจของ OR ที่มุ่งเน้นเติบโตในแบบ Outside-In โดยแสวงหาโอกาสการลงทุนในตลาดใหม่ๆ ร่วมกับพันธมิตร”นางสาวจิราพร กล่าว
นอกจากนี้ เป้าหมายการขยายธุรกิจอาหารของดุสิต ฟู้ดส์ คือการ นำความเป็นไทย ไปสู่สากล โดยให้ความสำคัญทั้งในด้านต้นน้ำและปลายน้ำของห่วงโซ่อุปทานในธุรกิจอาหาร ซึ่งรวมไปถึงชุมชนท้องถิ่น ยังเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับเป้าหมายในด้านการเติบโตร่วมกัน (Economic Prosperity) ของ OR ที่มุ่งสร้างการเติบโต สร้างอาชีพ และกระจายความมั่งคั่งสู่คู่ค้าและผู้ประกอบการขนาดย่อม ผ่านการดำเนินการร่วมกันได้เป็นอย่างดี และ OR ยังพร้อมเปิดโอกาสให้ธุรกิจทุกประเภท ทุกขนาด เข้ามาสู่ระบบนิเวศทางธุรกิจของ OR และมุ่งพลิกโฉมตัวเองให้เป็น Inclusive Growth Platform เพื่อรองรับการเติบโตร่วมกับพันธมิตรที่มีศักยภาพ โดยมีเป้าหมายในการสร้างผลเชิงบวกให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้การเติบโตทางธุรกิจเป็นการเติบโตร่วมกันแบบ Inclusive ที่ผนวกนำโมเดลทางธุรกิจและนวัตกรรมเข้ามาใช้แก้ปัญหาของผู้คน สังคม และสิ่งแวดล้อม นางสาวจิราพร กล่าวเสริม
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี (DUSIT) เปิดเผยว่า ความร่วมมือดังกล่าวถือเป็นการสร้างโอกาสเติบโตร่วมกัน โดยอาศัยจุดแข็งและความเชี่ยวชาญของทั้งสองฝ่าย โดย OR มีความเชี่ยวชาญในส่วนของธุรกิจค้าปลีก และเป็นเจ้าของเครือข่าย Retail Platform อันแข็งแกร่งที่สามารถเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของผู้คนและกระจายอยู่ในชุมชนต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ผ่านสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น (PTT Station) เกือบ 2,500 แห่ง และคาเฟ่ อเมซอน (Café Amazon) อีกกว่า 4,000 สาขา ในขณะที่กลุ่มดุสิตธานี เป็นผู้เชี่ยวชาญและมีความชำนาญในด้านธุรกิจการให้บริการชั้นนำของประเทศ และที่ผ่านมาได้เดินหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจอาหารที่เชื่อมโยงกับธุรกิจหลัก มีแนวโน้มการเติบโตสูง และครอบคลุมทุกห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งความร่วมมือกับ OR ในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับการเติบโตของธุรกิจอาหารภายใต้การบริหารของกลุ่มดุสิตธานีได้อย่างแน่นอน
“วิสัยทัศน์ของดุสิต ฟู้ดส์คือ การนำเอเชียไปให้โลกรู้จัก (Bring Asia to the World) โดยที่ผ่านมา เราเลือกลงทุนในธุรกิจอาหารที่เน้นกระบวนการธรรมชาติ ออแกนิก มีสุขภาพที่ดี และช่วยสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเป็นการลงทุนครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ดังนั้น การที่มี OR มาถือหุ้นในดุสิต ฟู้ดส์ จะเป็นการช่วยต่อยอดขีดความสามารถการเติบโตในเชิงกลยุทธ์ และการขยายธุรกิจผ่านช่องทางเครือข่ายค้าปลีกที่แข็งแกร่งของ OR ซึ่งกลุ่มดุสิตธานีมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งสำหรับความร่วมมือกันในครั้งนี้ ขณะเดียวกัน ดุสิตธานีและ OR ต่างก็เป็นแบรนด์ไทย ที่มีความตั้งใจและมีเป้าหมายร่วมกันในการจะช่วยสนับสนุนและผลักดันการเติบโตของธุรกิจอาหารของไทยให้มีโอกาสเติบโตทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างรายได้และเป็น Growth Engine ตัวใหม่ที่สนับสนุนการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต ซึ่งจะทำให้ความร่วมมือครั้งนี้มีพลังมากยิ่งขึ้น”นางศุภจี กล่าว
ปัจจุบัน พอร์ตการลงทุนหลักๆ ของ ดุสิต ฟู้ดส์ ประกอบด้วย บริษัท เอ็บเพอคิวร์ เคเทอริ่ง ผู้นำธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่ให้บริการกับโรงเรียนนานาชาติที่ครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 70% ในประเทศไทย บริษัท เดอะ เคเทอเรอร์ส จอยท์ สต็อก (The Caterers Joint Stock) หรือ “เดอะ เคเทอเรอร์ส” (The Caterers) ซึ่งเป็นผู้นำด้านการจัดเลี้ยงสำหรับโรงเรียน และงานเลี้ยงรับรองนอกสถานที่ในประเทศเวียดนาม ร้านอาหาร KAUAI (คาวาอิ) ซึ่งเป็นแบรนด์ร้านอาหารสุขภาพยอดนิยมจากประเทศแอฟริกาใต้เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยและมีแผนจะขยายตลาดเพิ่มในเอเชีย รวมถึง บริษัท บองชู เบเกอรี่ เอเชีย จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของแฟรนไชส์ขนมเบเกอรี่ “บองชู” (BONJOUR) และโรงงานผลิตเบเกอรี่ขนาดใหญ่ที่ใช้เครื่องจักรอุตสาหกรรมที่ดีและทันสมัยที่สุดที่นำเข้าจากประเทศชั้นนำในยุโรป ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดระยอง โดยปัจจุบัน ร้านแฟรนไชส์ขนมเบเกอรี่บองชู มีสาขาในประเทศไทยกว่า 50 แห่ง รวมถึงในประเทศจีนอีก 1 แห่ง
สำหรับความร่วมมือกับ OR ในครั้งนี้ กลุ่มดุสิตธานีวางเป้าหมายที่จะทำงานร่วมกับ OR ในการสร้างแพลตฟอร์มด้านอาหาร เพื่อช่วยเหลือคนตัวเล็กในชุมชนและท้องถิ่นให้มีโอกาสเติบโตทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงขยายโอกาสในการเติบโตของพอร์ตด้วยการทำงานร่วมกับ OR และบริษัทอื่นๆ ที่ OR ได้ลงทุนไว้ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นร้านคาเฟ่ อเมซอน (Café Amazon) รวมถึงร้านอาหารเพื่อสุขภาพโอ้กะจู๋ ซึ่งความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ที่จะเกิดขึ้นในระยะต่อไปนี้ จะมีส่วนช่วยสนับสนุนการเติบโตของรายได้และความสามารถในการรักษากำไรที่ดีขึ้นให้กับกลุ่มดุสิตธานีในอนาคต
ด้านบล.ทรีนีตี้ มีมุมองเป็นบวกต่อดีลครั้งนี้ จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมา OR พยายามมลงทุนในกลุ่มธุรกิจอาหารที่มีการเติบโตและมีผลตอบแทนการลงทุนที่สูง ถึงแม้ที่ผ่านมามูลค่าการลงทุนในแต่ละบริษัทจะไม่มาก แต่เชื่อว่าการเก็บเล็กผสมน้อย จะต่อยอดให้ OR เติบโตในอนาคตได้
สำหรับการลงทุนใน ดุสิต ฟู้ดส์ครั้งนี้ ถือได้ว่ามี ROI ที่ดีอยู่ในระดับ 15-30% อ้างอิงจากผลประกอบการของ ดุสิต ฟู้ดส์ในปี 2020-2021 ที่มีกำไรอยู่ 382 และ 208 ล้านบาทตามลำดีบ ซึ่งเป็นช่วงปีที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ดังนั้นแล้ว ถ้าในสภาวะปกติเชื่อว่าผลประกอบการและการเติบโตจะอยู่ในระดับที่ดีกว่านี้ คงคำแนะนำ “ซื้อ” และปรับราคาเป้าหมายไปปี 2566 ที่ 33.50 บาทจาก 2 ส่วนคือ มูลค่าธุรกิจปัจจุบัน 22 บาท (PER 20 เท่า) บวก และมูลค่าปัจจุบันของเงิน IPO ที่ไปลงทุนในอนาคต ด้วยอัตราคิดลด 11.50 บาท