“คิงส์ฟอร์ด” คาดแนวต้านดัชนี 1,630 – 1,640 จุด แนะ TH-CPF

HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด มองแนวโน้มหุ้นวันนี้แนวต้านดัชนี 1,630 – 1,640 จุด แรงหนุนฟันด์โฟลว์ไหลเข้า ด้านเงินบาทเช้านี้อ่อนค่าอาจฉุดเงินไหลเข้าชะลอตัว วางแนวรับแรก 1,615 จุด แนะหุ้น KBANK, KTB, TISCO รับสินเชื่อฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ หุ้นกลุ่มเปิดเมือง BJC, CRC, PTG, MINT, CENTEL พร้อมคัดหุ้นเด่นเสิร์ฟ TH-CPF

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,610 – 1,615 จุด แนวต้าน 1,630 – 1,640 จุด ได้หนุนจาก Fund Flow แต่ค่าเงินบาทเช้านี้กลับอ่อนค่า อาจส่งผลให้เม็ดเงินชะลอตัว แนะนำซื้อ KBANK,KTB,TISCO ปัจจัยบวกจากสินเชื่อฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ, กลุ่มเปิดเมือง BJC, CRC, PTG, MINT, CENTEL

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ TH (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 8.50 บาท) บริษัทรายงานกำไร 2Q65 ที่ 68 ล้านบาท เติบโตโดดเด่น QoQ, YoY เป็นผลจากการรับรู้รายได้บริหารหนี้เพิ่มขึ้นตามขนาดของพอร์ต NPL ส่วนใน 2H65 บริษัทเตรียมเข้าประมูลหนี้กองใหม่อีกราว 2-3 พันล้านบาท ซึ่งเป็นสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล น่าจะรู้ผลใน 3Q65 ทั้งนี้ในปี 65 น่าจะเห็นการเติบโตของกำไรราว +80%YoY โดยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากจากฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง D/E ที่ 0.1x มีเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นราว 500 ล้านบาท รวมถึงเงินที่จะได้จากการใช้สิทธิ TH-W3

หุ้น CPF (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 29.00 บาท) กำไรสุทธิงวด 2Q65 อยู่ที่ 4,208 ลบ.(-11.17% YoY, +48.07% QoQ) ได้แรงหนุนจาก ราคาสุกร(101 บาท/กก.+11.0%QoQ, +35.2%YoY) และราคาไก่(43.6บาท/กก.+11.8%QoQ, +48.8%YoY) ในไทย โดย GPM ใน 2Q65 ปรับตัวมาที่ระดับ 14.50% ( ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีเมื่อเทียบกับดำเนินงานเฉลี่ยปกติ และสูงขึ้นจาก 1Q65 ที่ 12.81% แม้จะต่ำกว่าจาก 2Q64 ที่16.38%)

สำหรับแนวโน้มในช่วง 3Q65 เบื้องต้นเราประเมินว่าจะเห็นการฟื้นตัวที่ดีจากฐานต่ำใน 3Q64 และยังมีแรงหนุนจากปัจจัยหลักคือ 1.ราคาเนื้อสัตว์ในไทยที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยช่วง ก.ค.65 ราคาสุกรอยู่ที่ 101.0 บาท/กก.(+0.0%MoM, +38.4%YoY) และราคาไก่อยู่ที่ระดับ 45.0 บาท/กก.(+9.8%MoM, +40.6% YoY) และ 2. ส่วนแบ่งกำไรที่น่าจะฟื้นตัว (CPALL) จากการระบาดของ Covid-19 ที่ปรับตัวดีขึ้น และ จากราคาสุกรในจีนช่วงเดือน ก.ค.65 เคลื่อนไหวที่ราว 20-22 RMB/kg. ปัจจุบัน เราประมาณการกำไรสุทธิปี 65 และ 66 ที่ระดับ 16,096 ลบ. (+23.55%YoY) และ 18,935 ลบ.(+17.63%YoY) ตามลำดับ