CBG ลบ 3.98% หลังกำไร Q2/65 หด 23.4% ยอดขายตปท.อ่อนตัว

HoonSmart.com>>หุ้น CBG ลบ 3.98% หลังกำไรสุทธิไตรมาส 2/65 ที่ 742 ล้านบาท อ่อนลง -23.2% YoY จากยอดขายต่างประเทศอ่อนตัว และ GPM ยังคงถูกดันจากราคาอลูมิเนียมที่ยังสูง (+37.6% YoY)

เมื่อเวลา 11.08 น.หุ้น CBG ลบ 3.98% มาอยู่ที่ 108.50 บาท ลดลง 4.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 912.07 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 112.50 บาท ขึ้นสูงสุด 112.50 บาท และต่ำสุด 108.00 บาท

บล.จีเอ็มโอ-แซด คอม แนะนำ “ถือ” หุ้นบริษัท คาราบาวกรุ๊ป (CBG) ราคาเป้าหมาย 125 บาท/หุ้น ไตรมาส 2/65 กำไรฟื้นตัวต่อ QoQ แต่ยังอ่อนตัว YoY จากยอดขายต่างประเทศอ่อนตัว และ GPM ยังคงถูกดันจากราคาอลูมิเนียมที่ยังสูง (+37.6% YoY) อย่างไรก็ตาม แนวโน้มราคาอลูมีเนียมที่เริ่มเป็นขาลงในไตรมาส 3/65 QTD ประกอบกับ R&D เกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ของบริษัทฯหนุนให้คาดว่า GPM ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว เหลือเพียงรอยอดขายต่างประเทศฟื้นตัว จึงคงคาดกำไรปี 65-66 เติบโต 4.2% YoY และ 7.9% YoY

CBG รายงานกำไรสุทธิงวดไตรมาส 2/65 อยู่ที่ 742 ล้านบาท เห็นการฟื้นตัวต่อ +12.5% QoQ แต่ยังอ่อนตัวอยู่ -23.2% YoY แม้จะเห็นการเติบโตของรายได้ทั้ง +9.7% QoQ และ 5.1% YoY หลัก ๆ มาจากการเติบโตของรายได้จากธุรกิจรับจ้างจัดจำหน่ายแก่บุคคลภายนอก (สัดส่วน 24%) +59% YoY ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่าธุรกิจ Ownbranded ซึ่งจำหน่ายทั้งใน และต่างประเทศ (สัดส่วน 68%) ที่ยังทรงตัว YoY จากการหักล้างกันระหว่างการฟื้นตัวของยอดขายในประเทศ และการอ่อนตัวของยอดขายต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเมียนมา

นอกจากนี้ราคาอลูมิเนียม (สัดส่วนราว 35-40% ของต้นทุน) เฉลี่ยในไตรมาส 2/65 ยังปรับขึ้นกว่า 37.6% YoY อยู่ที่ 2,896 เหรียญฯต่อตัน แนวโน้มราคาอลูมิเนียมที่เริ่มเป็นขาลงในไตรมาส 3/65 QTD ประกอบกับ R&D หนุนให้คาดว่า GPM ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว เหลือเพียงรอยอดขายต่างประเทศฟื้นตัว แม้ยังเห็นการอ่อนตัวของผลประกอบการ YoY ในไตรมาส 2/65 แต่คาดว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทยอยคลี่คลาย ทั้งในและต่างประเทศนับจากนี้ ตลอดจนราคาอลูมิเนียมในไตรมาส 3/65 QTD ที่ยังแสดงท่าทีอ่อนตัวอย่างต่อเนื่อง หรือ -16.6% QoQ มาอยู่ที่ 2,416 เหรียญฯต่อตัน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ประจวบเหมาะกับการ Restocking อลูมbเนียมสำหรับการผลิตล็อตใหม่ของบริษัทฯ จึงคาดว่าจะเป็นประเด็นที่ทำให้อัตรากำ ไรขั้นต้นของ CBG นั้น ได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว

นอกจากนี้ บริษัทฯยังคงอยู่ระหว่างการทา R&D เกี่ยวกับขวดแก้วและอลูมีเนียมให้เบา และบางลงเพื่อลดต้นทุนต่อเนื่องในอนาคต ตลอดจนเพิ่มความหลากหลายของขนาด เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้กว้างขึ้น คาดเริ่มเห็นผลต้นปี 2566 ช่วยเพิ่ม
GPM ได้ราว 1 – 2% โดยรวม จึงคงประมาณการกำไรปี 65-66 ตามเดิม ที่เติบโต 4.2% และ 7.9% YoY

ล่าสุดประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.75 บาทต่อหุ้น (XD วันที่ 26 ส.ค. 65 / จ่ายวันที่ 9 ก.ย. 65) เป็น Current yield 0.7%