ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 535 จุด เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาด

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐทั้ง 3 แห่งปิดพุ่งแรง  รับข่าวดีตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 8.5% ต่ำกว่า 8.7% ที่นักวิเคราะห์คาด เป็นการชะลอตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นปี 2021 ทำให้นักลงทุนมีความหวังว่า  เฟดอาจจะไม่ปรับดอกเบี้ยขึ้นสูงนัก ส่งผลให้บอนด์ยีลด์อายุ 10 ปีลดลงมาที่ 2.76% และ 2 ปีลดลงมาที่ 3.17% ด้านตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นแรง ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นกว่า 1 %  WTI ซื้อขายเหนือ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 10 ส.ค. 2565 ปิดที่ 33,309.51 จุด เพิ่มขึ้น 535.10 จุด หรือ 1.63% หลังเงินเฟ้อเดือนก.ค.เพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาด

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,210.24 จุด เพิ่มขึ้น 87.77 จุด, +2.13%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,854.80 จุด เพิ่มขึ้น 360.88 จุด, +2.89%

กระทรวงแรงงานรายงาน ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 8.5% จากระยะเดียวกันของปีก่อนต่ำกว่า 8.7% ที่นักวิเคราะห์คาด และทรงตัวเมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งต่ำกว่า 0.2% ที่นักวิเคราะห์คาด ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้น 5.9% ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนมิ.ย.ทั้งเมื่อเทียบรายปี และเมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่า 6.1% และ 0.5% ที่นักวิเคราะห์คาดตามลำดับ

เงินเฟ้อเดือนก.ค.ที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยและชะลอตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นปี 2021 ทำให้นักลงทุนมีความหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) อาจจะไม่ปรับดอกเบี้ยขึ้นสูงนัก และมีผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีลดลงมาที่ 2.76% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปีลดลงมาที่ 3.17%

นักวิเคราะห์มองว่า เฟดจะพิจารณาข้อมูลล่าสุดและข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญๆอื่นในการประชุมเดือนกันยายนประกอบการตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ย
แนนซี เดวิส ผู้ก่อตั้ง Quadratic Capital Management กล่าวว่า เงินเฟ้อเดือนก.ค.ที่ชะลอตัว น่าจะทำให้เฟดโล่งใจในระดับหนึ่งและหากว่ายังคงชะลอตัวต่อเนื่อง เฟดก็อาจจะเริ่มชะลอการขึ้นดอกเบี้ย

แต่ไมค์ เบลล์ จากมอร์แกนสแตนเล่ย์มองว่า เงินเฟ้อพื้นฐานยังเกินกรอบเป้าหมายอยู่มาก ซึ่งยังไม่ทำให้เฟดสามารถประกาศชัยชนะเหนือเงินเฟ้อ และยุติการขึ้นดอกเบี้ยได้ เพราะแรงกดดันด้านค่าจ้างยังมีอยู่ เงินเฟ้อพื้นฐานจะยังไม่กลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายจนกว่าแรงกดดันค่าจ้างจะลดลง ดังนั้นเงินเฟ้อทั่วไปอาจจะแตะระดับสูงแล้ว แต่ยังไม่พอที่จะทำให้เฟดผ่อนคลายการขึ้นดอกเบี้ยและหมดกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอย

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 61.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 2.75-3.00% ในการประชุมเดือนก.ย. และให้น้ำหนัก38.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ปรับตัวขึ้น โดยหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ เพิ่มขึ้น 5.8% หุ้นเน็ตฟลิกซ์เพิ่มขึ้นกว่า 6% หุ้นแอมะซอน พุ่งขึ้น 3.5% หุ้นไมโครซอฟต์ เพิ่มขึ้น 2.4% หุ้นแอปเปิล เพิ่มขึ้น 2.6%

หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เพิ่มขึ้น 2.6% หุ้นมอร์แกน สแตนเล่ย์ เพิ่มขึ้น 2.9% หุ้นซิตี้กรุ๊ป เพิ่มขึ้นกว่า 2% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา เพิ่มขึ้น 3.4% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ เพิ่มขึ้น 3.4%

หุ้นดิสนีย์เพิ่มขึ้นกว่า 5% จากผลการดำเนินงานที่ดีกว่า และจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็น 152.1 ล้านรายสูงกว่าคาด

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดยกลุ่มค้าปลีกที่เพิ่มขึ้น 3% หลังจากเงินเฟ้อเดือนกรกฎาคมของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด ทำให้คาดว่าเฟดจะไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่นักลงทุนยังเกาะติดการรายงานผลการดำเนินงาน

ในเยอรมนี ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 7.5% จากระยะเดียวกันของปีก่อนและเพิ่มขึ้น 0.9% เมื่อเทียบรายปี

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 439.88 จุด เพิ่มขึ้น 3.90 จุด หรือ +0.89%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,507.11 จุด เพิ่มขึ้น 18.96 จุด หรือ +0.25%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,523.44 จุด เพิ่มขึ้น 33.44 จุด หรือ +0.52%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,700.93 จุด เพิ่มขึ้น 165.96 จุด หรือ +1.23%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 1.43 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 91.93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น 1.09 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 97.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล