ดาวโจนส์ปิดลบ 85 จุด รอข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตร

HoonSmart.com>>ดาวโจนส์ร่วงลง 85 จุด นักลงทุนรอการรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.ในวันศุกร์นี้  และตัวเลขเงินเฟ้อที่จะออกมาในสัปดาห์หน้า ราคาน้ำมัน WTI ลดลงต่ำกว่า 90 ดอลลาร์ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นเดือนก.พ. ด้านตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น ธนาคารกลางอังกฤษปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% นับเป็นการปรับขึ้นในครั้งเดียวมากสุดตั้งแต่ปี 1995 คาดเศรษฐกิจถดถอยปลายปีนี้ จะลากยาวไป 5 ไตรมาส

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 4 สิงหาคม 2565 ปิดที่ 32,726.82 จุด ลดลง 85.68 จุด หรือ 0.26% นักลงทุนรอการรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนกรกฎาคมในวันศุกร์นี้ที่จะสะท้อนภาวะตลาดแรงงานและภาวะเศรษฐกิจ

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,151.94 จุด ลดลง 3.23 จุด, -0.08%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,720.58 จุด เพิ่มขึ้น 52.42 จุด, +0.41%

กระทรวงแรงงานรายงานจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 6,000 ราย สู่ระดับ 260,000 ราย ใกล้ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2021 และสอดคล้องกับตัวเลขที่นักวิเคราะห์คาด

ข้อมูลการยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกล่าสุด ทำให้นักลงทุนรอหาสัญญาณตลาดแรงงานจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่จะเผยแพร่ในวันศุกร์นี้ว่าจะชะลอตัวลงหรือไม่ นักวิเคราะห์คาดว่าการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 258,000 ตำแหน่งในเดือนกรกฎาคม ลดลงจาก 372,000 ตำแหน่งในเดือนมิถุนายน และคาดการณ์อัตราการว่างงานว่าจะทรงตัวที่ 3.6%

นักลงทุนยังรอข้อมูลเงินเฟ้อเดือนกรกฎาคมที่กำหนดเผยแพร่ในสัปดาห์หน้า รวมทั้งเกาะติดการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน

ด้านกระทรวงพาณิชย์รายงานการขาดดุลการค้าเดือนมิถุนายนมีมูลค่า 79.61 พันล้านดอลลาร์ลดลง 6.2% การนำเข้ามีมูลค่า 340.4 พันล้านดอลลาร์ ลดลง 0.3% การส่งออกมีมูลค่า 260.8 พันล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้น 1.7%

ราคาน้ำมัน WTI ลดลงต่ำกว่า 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์จากความวิตกเรื่องศรษฐกิจถดถอยส่งผลให้หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงโดยหุ้นเชฟรอนลดลง 2.7% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 4.2% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ลดลง 1.6% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ลดลง 4.1%

หุ้นวอลมาร์ท ลดลง 3.8% หลังบริษัทประกาศแผนปรับลดพนักงาน
หุ้นอิไล ลิลลี บริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ ลดลง 2.6% จากการปรับลดคาดการณ์กำไรทั้งปี

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยกลุ่มเดินทางและสันทนาการเพิ่มขึ้น 1.9% แต่กลุ่มน้ำมันและก๊าซอ่อนตัวลง 1.3% ขณะที่นักลงทุนรอข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนกรกฎาคมของสหรัฐฯ ท่ามกลางความกังวลต่อเศรษฐกิจถดถอย

ธนาคารกลางอังกฤษปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% นับเป็นการปรับขึ้นในครั้งเดียวมากสุดตั้งแตปี 1995 เพื่อคุมเงินเฟ้อที่แตะระดับสูงสุดรอบ 40 ปี และการปรับขึ้นติดต่อกันเป็นครั้งที่ 6 ทำให้ดอกเบี้ยขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 1.75%

คณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางอังกฤษยังประเมินว่าราคาก๊าซที่สูงขึ้นจะมีผลต่อกิจกรรมเศรษฐกิจให้ลดลงอย่างมากและเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยตั้งแต่ไตรมาสสี่ของปี 2022 และจะลากยาวไป 5 ไตรมาส เพราะรายได้ครัวเรือนที่แท้จริงลดลงอย่างมากในปี 2022 และ 2023 อีกทั้งการบริโภคเริ่มหดตัว

นักวิเคราะจาก Capital Economics คาดว่า แม้เศรษฐกิจน่าจะถดถอยแต่ธนาคารกลางสหภาพยุโรปจะยังคงค่อนข้างขึ้นดอกเบี้ยในเชิงรุกในหลายไตรมาสข้างหน้า
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 439.06 จุด เพิ่มขึ้น 0.77 จุด, +0.18%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,448.06 จุด เพิ่มขึ้น 2.38 จุด, +0.03%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,513.39 จุด เพิ่มขึ้น 41.33 จุด, +0.64%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,662.68 จุด เพิ่มขึ้น 75.12 จุด, +0.55%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 2.12 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 88.54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนตุลาคม 2.66 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิดที่ 94.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล