MST กำไรครึ่งปีวูบ17% ได้มาร์จิ้น-พอร์ตลงทุนช่วย

HoonSmart.com>>บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เปิดผลงาน 6 เดือนปีนี้ กำไรสุทธิ 373 ล้านบาท ลดลง 16.67%  ตามภาวะตลาด มูลค่าซื้อขายของนักลงทุนบุคคลวูบลง  ได้รายได้อื่นๆ 111 ล้านบาทหนุน จากดอกเบี้ยมาร์จิ้นและพอร์ตลงทุน  ประกาศเปิดตัวแอปพลิเคชั่น Maybank Invest หรือ MBI กลางเดือน ส.ค.นี้ รองรับการลงทุนยุคดิจิทัล  

อารภัฏ สังขรัตน์
อารภัฏ สังขรัตน์

นายอารภัฏ สังขรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรกของปี 2565  บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 373.33 ล้านบาท ลดลง 74.71 ล้านบาท หรือ -16.67% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 448.04 ล้านบาท

สาเหตุที่ทำให้กำไรลดลง มาจากรายได้ค่านายหน้าลดลง 368.11 ล้านบาท หรือ -27.49% จาก 1,339.14 ล้านบาท เหลือ 971.03 ล้านบาท  เนื่องจากรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์ลดลง 372.49 ล้านบาท หรือ-29.48%  เหลือ 891.05 ล้านบาท  จากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ลดลงจาก 98,327.80 ล้านบาท/วัน เหลือ 87,341.78 ล้านบาท/วัน หรือลดลง 11.17% และสัดส่วนนักลงทุนบุคคลซึ่งเป็นส่วนรายได้หลักของบริษัทลดลงจาก 48.12% เหลือ 40.63% เหลือ 35,486.53 ล้านบาท/วัน หรือลดลง 25% เทียบกับ  47,317.71 ล้านบาท/วัน

ขณะที่รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 4.38 ล้านบาทหรือ 5.79% เป็น 79.98 ล้านบาท  รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น 27 ล้านบาท เป็น 91.01 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 42.18% เนื่องมาจาก ค่าธรรมเนียมจากการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 19.15 ล้านบาท และค่าธรรมเนียมการขายและการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้น 10.55 ล้านบาท ส่วนค่าที่ปรึกษาทางการเงินลดลง 1.51 ล้านบาท และค่าธรรมเนียมและบริการอื่นลดลง 1.19 ล้านบาท

บริษัทฯมีรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 111.56 ล้านบาท จาก 401.50 ล้านบาท เป็น 513.06 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 27.79% เนื่องมาจาก รายได้ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 53.67 ล้านบาท กำไรและผลตอบแทนจากเครื่องมือทางการเงินเพิ่มขึ้น 47.58 ล้านบาท รายได้ดอกเบี้ยจากเงินฝากในสถาบันการเงินและพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มขึ้น 7.37 ล้านบาท และรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 2.94 ล้านบาท

ขณะเดียวกันค่าใช้จ่ายรวมลดลง 136.85 ล้านบาท หรือ11% จาก 1,243.97 ล้านบาท เป็น 1,107.12 ล้านบาท  จากค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงานลดลง 112.40 ล้านบาท ค่าธรรมเนียมและบริการจ่ายลดลง 26.32 ล้านบาท ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง 0.86 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายอื่นลดลง 11.94 ล้านบาท ในขณะที่ ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 14.67 ล้านบาท และภาษีเงินได้นิติบุคคลลดลง 17.98 ล้านบาท จาก 112.64 ล้านบาท เป็น 94.66 ล้านบาท หรือลดลง 15.96% เนื่องมาจากการลดลงของกำไรก่อนค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้

ทั้งนี้ ผลประกอบการครึ่งปีแรก สอดคล้องกับสภาวะการตลาดในปัจจุบัน กระแสความไม่แน่นอนยังคงส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ทั้งตลาดหุ้นไทยและต่างประเทศ ภาพรวมการซื้อขายที่ปรับตัวลดลง สืบเนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 เงินเฟ้อทั่วโลก และความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน

สำหรับโอกาสของการลงทุนในระยะสั้น ยังคงเป็นเรื่องการกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์และในภูมิภาค ส่วนในระยะยาวการปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะกับสถานการณ์ บนพื้นฐานของความเสี่ยงที่ยอมรับได้ จะช่วยให้นักลงทุนสามารถได้รับผลตอบแทนตามที่คาดหวัง และสำหรับนักลงทุนมือใหม่ การตัดสินใจลงทุนสามารถทำได้ง่ายขึ้นผ่าน Goal Based Investment (GBI) ซึ่งเป็นฟีเจอร์หลักในแอปพลิเคชั่น Maybank Invest ใหม่ พร้อมจัดพอร์ตให้เติบโตด้วยสินทรัพย์การลงทุนที่หลากหลาย ด้วยการติดตามและปรับพอร์ตการลงทุน โดยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนจาก เมย์แบงก์  ผ่าน Maybank Invest App หรือ MBI ซึ่งพร้อมจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงกลางเดือนส.ค.นี้