ดาวโจนส์ดิ่งกว่า 400 จุด วิตกความตึงเครียดทางการเมืองสหรัฐฯ-จีน

HoonSmart.com>>ดาวโจนส์ปิดร่วงกว่า 400 จุด วิตกความตึงเครียดทางการเมืองสหรัฐฯ-จีน ซ้ำเติมความวิตกกับแนวโน้มที่เศรษฐสหรัฐฯถดถอย คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องถึงไตรมาส 2 ปีหน้า  เดือนก.ย.ปรับขึ้นอีก 0.5%   ด้านตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 2 ส.ค. 2565 ปิดที่ 32,396.17 จุด ร่วงลง 402.23 จุด หรือ -1.23% จากความวิตกต่อความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างสหรัฐฯกับจีน หลังนางแนนซี เพโลซีประธานรัฐสภาสหรัฐฯเยือนไต้หวัน รวมไปถึงความกังวลต่อการให้ความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ถึงเส้นทางการดำเนินนโยบายการเงิน

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,091.19 จุด ลดลง 27.44 จุด, -0.67%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,348.76 จุด ลดลง 20.22 จุด, -0.16%

การเยือนไต้หวันของนางเพโลซี่ได้สร้างความกดดันครั้งใหม่ให้กับนักลงทุนที่วิตกกับแนวโน้มที่เศรษฐสหรัฐฯถดถอย การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและภาวะเงินเฟ้อทั่วโลกอยู่แล้ว นักวิเคราะห์เตือนว่าความขัดแย้งระหว่างสองประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก จะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศเลวร้ายลง โดยเฉพาะด้านการค้า และจะมีต่อตลาดหลายสัปดาห์หรือนานกว่านั้น ตลอดจนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สร้างผลกระทบมหาศาล

ค่าเงินไต้หวันอ่อนค่าสุดเมื่อเทียบดอลลาร์นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2020 ขณะที่ American depositary receipts ของ Taiwan Semiconductor Manufacturing Co. และ Baidu Inc. ราคาอ่อนตัวลง

ราจีป ดี เมลโล จาก GAMA Asset Management ในเจนีวา กล่าวว่า จีนจะแสดงออกถึงความไม่พอใจและยกระดับการตอบโต้ แต่สถานการณ์ไม่น่าจะเกินเลยเพราะเศรษฐกิจจีนกำลังอ่อนแอ

เอลเลน แกสเก้จาก PGIM Fixed Income กล่าวว่า ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและต่อเนื่องนาน จะยิ่งทำให้ตลาดผันผวนมากขึ้นจากเดิมที่ผันผวนอยู่แล้วจากการดำเนินนโยบายของเฟด เพราะความไม่แน่นอนว่าจากนี้เฟดจะดำเนินการแค่ไหน

ตลาดผันผวนในช่วงบ่าย จากการให้ความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายดับความคิดที่ว่าเฟดจะยุติการขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆนี้

นายชาร์ลส อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโกกล่าวว่า หวังว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% ในการประชุมเดือนก.ย.และจากนั้นจะขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องอีกครั้งละ 0.25% ไปจนต้นไตรมาสสองปี 2023 ด้านนางแมรี ดาลี ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโกกล่าวว่า เฟดยังคงมุ่งมั่นกับการคุมเงินเฟ้อ

นางลอเร็ตต้า เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์กล่าวว่า มีข้อมูลชัดเจนหลายตัว เดือนว่า เงินเฟ้อต้องแตะระดับสูงสุดก่อนที่เฟดจะยุติวัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ย

นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในวันนี้ ซึ่งรวมถึงสตาร์บัคส์, เพย์พาล และแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (เอเอ็มดี)

หุ้นแคทเธอพิลลาร์ลดลง 5.8% หลังรายงานผลการดำเนินงานไตรมาสสองต่ำกว่าคาด แต่หุ้นอูเบอร์ เทคโนโลยีส์ เพิ่มขึ้น 18.9% รายได้ในไตรมาส 2 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด

นักกลงทุนรอการรายงานข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราว่างงานเดือนกรกฎาคมในวันศุกร์นี้ เพื่อประเมินภาวะเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มบริการทางการเงินที่ปิดลบ 1.7% นักลงทุนลดความเสี่ยงอันเนื่องจากสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ ขณะที่ยังเกาะติดการรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน

หุ้น BP ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของอังกฤษบวก 3% หลังผลการดำเนินงานดีกว่าคาดและเพิ่มการจ่ายเงินปันผล

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 436.07 จุด ลดลง 1.39 จุด, -0.32%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,409.11 จุด ลดลง 4.31 จุด, -0.06%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,409.80 จุด ลดลง 27.06 จุด, -0.42%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,449.20 จุด ลดลง 30.43 จุด, -0.23%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 53 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 94.42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 51 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 100.54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล