ดีบีเอสฯ ชี้สินเชื่อที่พักอาศัยเสี่ยงหนี้เสียสูง ชู GOLD-LH-AP-PSH-BBL

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส มองสินเชื่อที่พักอาศัยเสี่ยงหนี้สูง โดยเฉพาะคอนโด พบตัวเลขแบ็คล็อค ผู้ประกอบการในตลาดหลักทรัพย์แกว่ง แนะหุ้นอสังหาฯ บริษัทใหญ่ การเงินแกร่ง สายป่านยาว ปันผลดี ชู GOLD-LH-AP-PSH ด้านกลุ่มแบงก์ ยก BBL หุ้นเด่น

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์กลุ่มธนาคารพาณิชย์&ที่พักอาศัย จากกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เล็งหารือกับธนาคารพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับปัญหาหนี้เสียจากสินเชื่อที่พักอาศัย (Mortgage Loans) ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 4/61 และเตรียมออกมาตรการป้องกันฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ การเก็งกำไรบ้านหลังที่ 2 โดยบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส เห็นด้วยว่าสินเชื่อที่พักอาศัยยังมีความเสี่ยงเรื่อง NPL สูง เนื่องจากปริมาณที่พักอาศัยโดยเฉพาะคอนโดที่มี Supply ออกมามาก, พฤติกรรม Search for Yield ของผู้ลงทุนโดยการเข้ามาซื้อเก็งกำไร ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากต่ำแพร่หลายขึ้น ทำให้อัตราผลตอบแทน (Yield) จากการให้เช่าที่พักอาศัยต่อปีลดลงเหลือเพียง 3-4% จาก 5-6% ใน 3-4 ปีก่อน จึงหันมาลักลอบปล่อยเช่าคอนโดรายวันที่ผิดกฎหมายมากขึ้น

ในด้าน Backlog ของผู้ประกอบการที่พักอาศัยจดทะเบียนในตลาด เราก็เห็นตัวเลขที่แกว่งลง เนื่องจากผู้ซื้อบางรายไม่มีความสามารถในการผ่อนต่อจึงทิ้งดาวน์

สำหรับการลงทุนหุ้นกลุ่มที่พักอาศัย บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส จึงเน้นไปยังบริษัทขนาดใหญ่ โครงสร้างผู้ถือหุ้นแข็งแรง ฐานะการเงินแข็งแกร่ง สายป่านยาว และจ่ายปันผลดี ซึ่งหุ้น Top Pick ของบล.ดีบีเอส วิคเคอร์สเป็น GOLD (ราคาพื้นฐาน 13.08 บาท คาด Dividend Yield ปี 61/62 เท่ากับ 4.7%/5.4%) รองลงมาเป็น LH (ราคาพื้นฐาน 12.8 บาท คาด Dividend Yield ปี 61/62 เท่ากับ 6%/6%), AP (ราคาพื้นฐาน 10.50 บาท คาด Dividend Yield ปี 61/62 เท่ากับ 3.7%/4.4%), PSH (ราคาพื้นฐาน 23.90 บาท คาด Dividend Yield ปี 61/62 เท่ากับ 6.6%/7.2%)

ทั้งนี้ ธปท.เห็นสัญญาณความเสี่ยง เพราะ NPL สินเชื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นทุกเดือน สวนทางกับสินเชื่อประเภทอื่นที่มี NPL ลดลง การเก็งกำไรบ้านหลังที่ 2 สูงขึ้น มาตรการกำกับดูแลจะเป็นทั้งแบบ Micro & Macro Prudential โดยให้ธนาคารพาณิชย์ระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อให้มากขึ้น

ส่วนกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ในปี 61 บล.ดีบีเอส วิคเคอร์สให้ BBL (ราคาพื้นฐาน 218 บาท) เป็นหุ้น Top Pick เนื่องจากสินเชื่อเพื่อการลงทุนฟื้นตัวดีตามภาวะเศรษฐกิจ (โครงสร้างสินเชื่อหลักๆ ประกอบด้วย สินเชื่ออุตสาหกรรมและพาณิชย์ 40% ของสินเชื่อรวม, สินเชื่อสาธารณูปโภคและบริการ 21%, สินเชื่อที่พักอาศัย 10%) ผลกระทบจากการยกเลิกค่าธรรมเนียมผ่านระบบดิจิตอลส่วนหนึ่งได้รับการชดเชยจากการจับมือเป็นพันธมิตรขายผลิตภัณฑ์ประกันให้กับ AIA ด้านคุณภาพสินทรัพย์มีเสถียรภาพดีขึ้น โดย NPL Ratio สิ้นมิ.ย.61 อยู่ที่ 3.5% ต่ำลงจาก 3.8% ในสิ้นปี 60 และมี Coverage Ratio สูงที่ 176%