HoonSmart.com>>”ยงคอนกรีต”(YONG)พร้อมเทรดวันแรกในตลาด mai 2 สิงหาคม 65 มั่นใจนักลงทุนต้อนรับคึกคัก ชูจุดเด่นผู้ก่อตั้งมีประสบการณ์ความชำนาญในอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างไทยมากกว่า 30 ปี แย้มครึ่งปีหลังสัญญาณบวก พร้อมขยายกำลังการผลิตรองรับดีมานด์ สร้างผลตอบแทนที่มั่นคง ด้านเงินระดมทุนใช้ขยายโรงงานเพิ่มกำลังการผลิตรับงานเพิ่ม-ดันงบโตแข็งแกร่ง ด้านโบรกฯ.ให้ราคาเหมาะสมในช่วง 3.00-5.10 บ./หุ้น
นายสรรเพชญ ศลิษฏ์อรรถกร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยงคอนกรีต (YONG) กล่าวว่า บริษัทฯ พร้อมเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 2 สิงหาคม 2565 นี้ โดยใช้ชื่อย่อ YONG ในการซื้อขายหลักทรัพย์ เป็นอีกก้าวสำคัญสู่ความยั่งยืนและมั่นใจว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนจะสนับสนุนโอกาสในการขยายศักยภาพเพิ่มกำลังการผลิตเงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวนประมาณ 450 ล้านบาท (ก่อนหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง) สำหรับใช้เป็นเงินลงทุนในการก่อสร้างโรงงานที่อ.บางเลน จ.นครปฐม จำนวน 120 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตและพัฒนาระบบที่เกี่ยวข้อง, ใช้ลงทุนก่อสร้างโรงงานคอนกรีตผสมเสร็จ ที่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี จำนวน 20 ล้านบาท, ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมแก่สถาบันการเงิน จำนวน 120 ล้านบาท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินธุรกิจ จำนวน 190 ล้านบาท เพื่อรองรับงานก่อสร้างที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคต โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนดังกล่าวภายในปี 2565 สำหรับรองรับการเติบโตของบริษัท ทั้งในการขยายกำลังการผลิตของโรงงานผลิตเดิม และการเปิดโรงงานการผลิตใหม่ อีกทั้งเป็นการยกระดับมาตรฐานของบริษัทเข้าสู่มาตรฐานสากลในอีกระดับ เพิ่มความน่าเชื่อถือในด้านภาพลักษณ์ ให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้าและคู่ค้า รวมถึงเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ทั้งนี้จะพิจารณาการใช้เงินทุนหมุนเวียนในกิจการให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้น และเพื่อการเติบโตในอนาคต และสร้างผลตอบแทนนักลงทุนในระยะยาว
ทั้งนี้ มองว่าธุรกิจวัสดุก่อสร้าง ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทมีความเกี่ยวข้องกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศเป็นหลัก รวมถึงการลงทุนของทั้งภาครัฐและเอกชน โดยโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาพื้นที่ 3 จังหวัด ในภาคตะวันออก ได้แก่ ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา โดยจะมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เช่น รถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อสามสนามบิน เป็นต้น ส่งผลให้มีความต้องการวัสดุก่อสร้างจากผู้ประกอบการในแถบพื้นที่บริเวณนั้นเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อบริษัทเนื่องจากบริษัทสามารถที่จะจำหน่ายวัสดุก่อสร้างได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เนื่องจากบริษัทมีโรงงานผลิตที่ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี และมีแผนการลงทุนในอนาคตที่จะลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปที่จังหวัดระยอง ขณะที่การลงทุนจากภาคเอกชนคาดว่าจะขยายตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
นายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ YONG เปิดเผยว่า YONG จะเป็นหุ้นน้องใหม่ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้กับนักลงทุนได้ เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตรายใหญ่ในภาคกลาง ภาคตะวันตกและโซนภาคตะวันออกที่คร่ำหวอดในวงการมานานกว่า 30 ปี มีลูกค้าชั้นนำกระจายอยู่ในหลายอุตสาหกรรมทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งมีการบริหารจัดการควบคุมต้นทุนได้ดี ตลอดจนทีมงานวิศวกรที่มากประสบการณ์ จะสนับสนุนโอกาสภายหลังจากการระดมทุนในครั้งนี้ ทำให้บริษัทฯ มีศักยภาพในการแข่งขันสูงขึ้น รองรับการขยายกำลังการผลิตได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยสนับสนุนความสามารถในการสร้างรายได้และกำไรในอนาคตให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการปี 2565-2566 คาดจะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งหลังระดมทุนขยายโรงงานเพิ่มกำลังการผลิต สนับสนุนให้ความสามารถในการสร้างรายได้ และกำไรสูงขึ้น ซึ่งจะสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างสม่ำเสมอ
นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม เปิดเผยว่า มั่นใจเมื่อหุ้น YONG เข้าซื้อขายในวันที่ 2 สิงหาคมนี้ จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างคึกคัก เนื่องจากช่วงที่เปิดเสนอขายหุ้นในช่วงที่ผ่านมา กระแสความต้องการหุ้น YONG มีมากกว่าจำนวนที่จัดสรร โดยจากความต้องการที่ล้นหลามครั้งนี้ นอกเหนือจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของ YONG แล้ว การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 180 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 2.50 บาท คิดเป็น P/E ราว 26.10 เท่า สร้างความสนใจให้นักลงทุนที่กำลังมองหาหุ้นเติบโตรับเศรษฐกิจฟื้นตัว
ด้านบทวิเคราะห์จาก 4 บริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำ ประเมินราคาเหมาะสมอยู่ในช่วง 3.00-5.10 บาท/หุ้น โดย บล.เอเชีย เวลท์ มองประเด็นการลงทุน YONG แนวโน้มกำไรเติบโตโดดเด่นสุดในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากธุรกิจหลักได้ประโยชน์โดยตรงจากการฟื้นตัวของการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนในปี 2565-2566 คาดกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 48% YoY มีอัตราส่วน ROE สูงที่สุดในกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่ระดับ 10.15% เทียบกับค่าเฉลี่ยที่ 4.45% ได้ประโยชน์ที่ต่อเนื่องจากมาตรการผ่อนคลายการควบคุมโควิด ประเมินราคาเป้าหมายที่ 3.16 บาท
บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ประเมินราคาพื้นฐานของ YONG ที่ 3.00 บาท อิง PE ปี 2566 ที่ 18 เท่า คาดกำไรสุทธิปี 2565 จะเติบโต 17% yoy จากการขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติม และคาดว่ากำไรสุทธิปี 2566 โตต่อเนื่อง 41.1% yoy ในปี 2566 ท่ามกลางคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นทั้งจากผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์คอนกรีตผสมเสร็จ โดยบริษัทมีกลุ่มลูกค้าอสังหาฯแนวราบที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจมานาน และลูกค้าหน่วยงานภาครัฐ
บล.ไอร่า ให้ราคาเป้าหมาย YONG ที่ 3.30 บาท โดย YONG เข้าสู่ธุรกิจผลิตวัสดุก่อสร้างมานานกว่า 30 ปี มีผลิตภัณฑ์หลากหลายครบวงจร โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม เน้นคุณภาพผลิตภัณฑ์ ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามายาวนาน รวมทั้งได้เปรียบจากพื้นที่โรงงานครอบคลุมลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ทำให้ต้นทุนขนส่งต่ำกว่าคู่แข่ง พร้อมการบริหารต้นทุน ทำให้กระบวนการผลิตมีประสิทธิภาพช่วยให้ YONG สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นสงกว่า 30% มาโดยตลอด
บล.เอเอสแอล มองว่า YONG มีความโดดเด่นทั้งในด้านประสิทธิภาพการทำกำไรที่ทำได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม รวมถึงความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และแนวโน้มการเติบโตเฉลี่ยแบบ CAGR ของกำไรสุทธิอยู่ที่ 34.4% ที่อยู่ในอัตราเร่งแบบ S-Curve สำหรับช่วงปี 2565-2567 จึงประเมินราคาอยู่ในกรอบ 4.86-5.10 บาทอ้างอิง PE ในช่วง 30.0-31.50 เท่า