ดาวโจนส์ปิดลบกว่า 220 จุด วิตกเศรษฐกิจถดถอย รอผลประชุมเฟด

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วง ดัชนีดาวโจนส์ลดลงกว่า 220 จุด หลัง “วอลมาร์ท” หั่นคาดการณ์ผลการดำเนินงานรายไตรมาสและทั้งปีลง ฉุดหุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วง นักลงทุนกังวลหนักขึ้นว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคไม่แข็งแกร่งพอพยุงเศรษฐกิจไม่ให้ถดถอย จับตาผลประชุมเฟดคืนนี้ ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.72 ดอลลาร์ ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 26 กรกฎาคม 2565 ปิดที่ 31,761.54 จุด ร่วงลง 228.50 จุด หรือ 0.71% หลังจากวอลมาร์ทปรับลดคาดการณ์ผลการดำเนินงานรายไตรมาสและทั้งปีลง ส่งผลให้กลุ่มค้าปลีกปรับตัวลดลง ด้วยความกังวลมากขึ้นว่าการใช้จ่ายของผู้บริภคจะไม่แข็งแกร่งพอที่จะพยุงเศรษฐกิจไม่ให้ถดถอย

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,921.05 จุด ลดลง 45.79 จุด, -1.15%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,562.57 จุด ร่วงลง 220.09 จุด, -1.87%

วอลมาร์ท ปรับลดประมาณการกำไรรายไตรมาสและทั้งปี เป็นผลจากอัตราเงินเฟ้อที่มาจากอาหารสูงขึ้น ทำให้นักลงทุนวิตกว่าจะมีผลต่อธุรกิจค้าปลีกรายอื่นๆ ทั้งนี้บริษัทระบุว่า ราคาที่สูงขึ้นส่งผลให้ผู้บริโภคไม่ใช้จ่ายด้านสินค้าทั่วไป โดยเฉพาะเครื่องแต่งกาย

หุ้นวอลมาร์ท ลดลง 7.6% หุ้นทาร์เก็ต ลดลง 3.6% หุ้นโลว์ส ลดลง 3.2% การลดลงของกลุ่มค้าปลีกยังขยายวงไปยังหุ้นอีคอมเมิร์ซ โดยหุ้น Shopify ลดลง 14.1% หลังจะลดพนักงานทั่วโลกลงราว 10% เพราะการใช้จ่ายผ่านออนไลน์ลดลงและบริษัทประเมินการระบาดของโควิดผิดไป

หุ้นแอมะซอน ดิ่งลง 5.23%พุ้นเพย์พาลลดลง 5.7%

ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนยังเป็นปัจจัยที่นักลงทุนให้น้ำหนักในการลงทุน ทำให้มีผลต่อหุ้นรายตัวและแต่ละกลุ่มต่างกัน

หุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ ลดลง 3.4% หลังรายงานผลกำไรต่ำกว่าคาดการณ์ เพราะขาดแคลนอะไหล่ จากปัญหาห่วงโซ่อุปทานชะงักทำให้ต้องหยุดการผลิตและไม่สามารถส่งมอบรถยนต์ได้ตามที่ประมาณการไว้

หุ้นยูพีเอสลดลง 3.4% จากรายได้ระหว่างประเทศและธุรกิจซัพพายเชนลดลง

หุ้นโคคา-โคล่า เพิ่มขึ้น 1.6% หลังกำไรและรายได้ในไตรมาส 2 สูงกว่าคาดการณ์ เพราะยอดขายฟื้นตัวจากการระบาดของโควินและราคาที่ปรับเพิ่มขึ้น

หุ้น 3M บวก 4.9% จากกำไรและรายได้ สูงกว่าคาดการณ์ และบริษัทประกาศแยกธุรกิจเฮลธ์แคร์ ออกไปเป็นบริษัทมหาชน

หุ้นเจนเนอรัล อิเล็กทริคบวก 4.6% จากผลการดำเนินงานที่ดีกว่าคาด

นักลงทุนรอการรายงานผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ รวมทั้งการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ และจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75%

ตลาดยังได้รับแรงกดดันจาการปรับลดประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจโลกทั้งในปีนี้และปีหน้าของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) พร้อมเตือนว่าแนวโน้มไม่สดใสและมีความไม่แน่นอน จากเงินเฟ้อที่เลวร้ายลงกว่าคาด โดยปรับลดคาดการณ์ เศรษฐกิจโลก ในปี 2565 จาก 3.6% เป็น 3.2% และชะลอตัวลงมาที่ 2.9% ในปี 2566

นอกจากนี้ Conference Board รายงานผลสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนกรกฎาคมลดลงมาที่ระดับ 95.7 เป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มค้าปลีกที่ลดลง 4% เพราะการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนยังคงเป็นปัจจัยหลักในการซื้อขาย ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ที่เริ่มขึ้นแล้วเมื่อวานนี้

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 426.13 จุด ลดลง 0.12 จุด หรือ -0.03%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,306.28 จุด ลดลง 0.02 จุด หรือ -0.0003%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,211.45 จุด ลดลง 26.10 จุด หรือ -0.42%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,096.93 จุด ลดลง 113.39 จุด หรือ -0.86%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 1.72 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 94.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 75 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 104.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล