SCCC กำไร 1,354 ลบ. Q2 ลด 6.2% บุ๊กประโยชน์ภาษีศรีลังกางวดปีก่อน รายได้ยังโต

HoonSmart.com>> “ปูนซีเมนต์นครหลวง” กำไรสุทธิไตรมาส 2/65 จำนวน 1,354 ล้านบาท ลดลง 6.2% เหตุงวดปีก่อนได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเงินได้ครั้งเดียวของประเทศศรีลังกา ด้านรายได้รวมเติบโต 27% แตะ 12,758 ล้านบาท ส่วนครึ่งปีกำไร 2,157 ล้านบาท ลดลง 14% มองแนวโน้มเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอน คาดการเติบโตในตลาดหลักยังเป็นไปอย่างจำกัดในปีนี้

บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง (SCCC) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2565 กำไรสุทธิ 1,354.52 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 4.55 บาท ลดลง 6.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 1,445.29 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 4.85 บาท

ส่วนงวด 6 เดือน ปี 2565 กำไรสุทธิ 2,156.86 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 7.24 บาท ลดลง 14% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 2,508.65 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 8.42 บาท

กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้สุทธิรวมในไตรมาส 2/2565 จำนวน 12,758 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.9% จากงวดปีก่อนและครึ่งปีแรกมีรายได้สุทธิรวม 20,429 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จากงวดปีก่อน โดยในไตรมาส 2/2565 มีรายได้จากการขายปูนซีเมนต์ในไตรมาส 2/2565 จำนวน 9,084 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.3% จากงวดปีก่อนและครึ่งปีมีรายได้จากการขายสุทธิ 13,933 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.0% ขณะที่รายได้จากการธุรกิจคอนกรีต หินและทราย , ธุรกิจการค้า และธุรกิจบริการกำจัดของเสียและธุรกิจอื่นมีรายได้เพิ่มขึ้นทั้งหมด

ภาพรวมตลาดการก่อสร้างโดยภาพรวมอ่อนตัวลงในช่วงไตรมาส 2 ท่ามกลางราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้นในตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ โดยความต้องการปูนซีเมนต์ในตลาดค้าปลีกชะลอตัวลง ขณะที่ความต้องการวัตถุดิบยังคงเติบโตอยู่ในระดับกลาง การเร่งกิจกรรมการก่อสร้างของโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานที่สำคัญส่งผลให้ปริมาณการขายปูนซีเมนต์ของกลุ่มบริษัทฯ เติบโตในระดับปานกลาง รวมถึงการดําเนินการมาตรการต่างๆ เพิ่มเติม เพื่อให้สามารถปรับราคาจำหน่ายปูนซีเมนต์ได้เพิ่มขึ้นตามต้นทุนวัตถุดิบและต้นทุนเชื้อเพิลงที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้รายได้สุทธิโดยรวมของกลุ่มบริษัทฯ เพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปีก่อน

อย่างไรก็ตามท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์ต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นและภาวะห่วงโซ่อุปทานที่มีความไม่แน่นอน กลุ่มบริษัทฯ รับรู้ผลการดำเนินการที่แข็งแกร่ง โดยได้รับแรงหนุนจากตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศศรีลังกาและเวียดนาม

นอกจากนี้ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของบริษัทร่วมส่งผลต่อการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ ซึ่งเป็นผลให้กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้น 49% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปีก่อน หากไม่รวมสิทธิประโยชน์ทางภาษีเงินได้ครั้งเดียวในปีก่อนของประเทศศรีลังกา กำไรสุทธิของกลุ่มบริษัทฯ ยังได้รับผลบวกจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายทางการเงินที่ลดลง แม้การอ่อนตัวของค่าเงินสกุลท้องถิ่นในประเทศศรีลังกาจะยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง แต่ชะลอตัวลง

บริษัทฯ ประเมินเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนอย่างต่อเนื่อง จากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศยูเครน นำไปสู่ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างมากที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท โดยกลุ่มบริษัทฯ คาดว่าการเติบโตในตลาดหลักของกลุ่มบริษัทฯ เป็นไปอย่างจำกัดในปี 2565 โดยโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานของภาครัฐยังเป็นตัวสำคัญ ในขณะที่ภาคการก่อสร้างที่อยู่อาศัยทั่วไปเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรมจะยังคงไม่สดใส ผลกระทบต่อกำไรยังคงต้องได้รับการบรรเทาด้วยการส่งต่อต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น