บลจ.อีสท์สปริงชู 3 เสาหลักขับเคลื่อนธุรกิจ สู่ทางเลือกลงทุนอันดับต้นของคนไทย

HoonSmart.com>> บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) เปิดกลยุทธ์ 3 เสาหลัก เพื่อเข้าถึงความต้องการของนักลงทุนทุกกลุ่มได้อย่างครอบคลุม ชูความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนที่ครอบคลุมหลายสินทรัพย์ ผสานกลยุทธ์ระดับโลก เน้น Asset Allocation พานักลงทุนสู่เป้าหมายการลงทุน รับมือความผันผวน เตรียมเปิดตัว “กองทุนหุ้นอินโดนีเซีย” กองแรกของไทย

นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภายหลังความสำเร็จของการควบรวมกิจการระหว่างบลจ.ทหารไทยและบลจ.ธนชาต ซึ่งถือเป็นการควบรวมบลจ.ที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมีมาในตลาดการเงินและการลงทุนของประเทศไทย พร้อมเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยมีสัดส่วนผู้ถือหุ้นล่าสุด (ณ วันที่ 12 ก.ค.2565) ประกอบด้วยกลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียลถือหุ้น 59.5% และธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) หรือ ทีเอ็มบีธนชาต ถือหุ้น 40.5%

ปัจจุบัน บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ครองส่วนแบ่งทางการตลาดกองทุนรวม 7% และมีมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการสุทธิ (Asset under management หรือ AUM) อยู่ที่ 342,390 ล้านบาท (ข้อมูล ณ เดือนมิ.ย.2565) และติดอันดับ 6 บลจ.ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย การประกาศวิสัยทัศน์ภายใต้แบรนด์ใหม่ครั้งนี้ถือเป็นการเดินหน้าต่อยอดความสำเร็จและวางรากฐานของอีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ ในไทยให้เติบโตได้อย่างมั่นคง

“จากสถานการณ์การลงทุนในปีนี้โอกาสที่ AUM จะเติบโตค่อนข้างน้อย คาดว่าสิ้นปีอยู่ที่ประมาณ 400,000 ล้านบาท แต่หากภาพรวมตลาดดูดีขึ้นอาจปรับเปลี่ยนได้ ซึ่งบนสภาวะปัจจุบันที่ยังมีความไม่แน่นอนจากปัจจัยลบต่างๆ จึงตั้งเป้าการเติบโต AUM ใน 3-4 ปีข้างหน้าไว้ที่ 6-7% หากตลาดกลับมาดีก็อาจปรับเป้าหมายใหม่ พร้อมทั้งยังคงเป้าหมายขึ้นสู่ TOP 5 ของอุตสาหกรรมใน 4-5 ปีข้างหน้า”นายอดิศร กล่าว

อย่างไรก็ตาม ด้วยประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ การเติบโต และความแข็งแกร่งของบริษัทฯ จึงพร้อมแล้วกับการส่งมอบประสบการณ์การลงทุนที่มีคุณภาพแก่นักลงทุนชาวไทย ผ่านกลยุทธ์สามเสาหลักที่จะเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนธุรกิจจากทีมงานคุณภาพ เพื่อนำเสนอทางเลือกในการลงทุนและสร้างผลตอบแทนที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างหลากหลาย ให้สอดคล้องกับเป้าหมายความมุ่งมั่นของแบรนด์ Eastspring Investments ที่จะดูแลการลงทุนเพื่ออนาคตของคุณหรือ Invested in Your Future

นายอดิศร กล่าวว่า ในการขับเคลื่อนธุรกิจของ บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ให้เติบโตไปอีกขั้นในฐานะผู้เชี่ยวชาญชั้นนำด้านการลงทุนที่แข็งแกร่งเพื่อผู้ลงทุนชาวไทย บริษัทมีแนวทางการดำเนินงานผ่านกลยุทธ์ 3 เสาหลัก ได้แก่ Global Access with Asia Focus, Investment Advisory & Market Insights, และ Holistic Health & Wealth ที่จะทำให้เข้าถึงความต้องการของนักลงทุนทุกกลุ่มได้อย่างครอบคลุม

Global Access with Asia Focus – ปัจจุบันการลงทุนในต่างประเทศถือเป็นแนวโน้มการลงทุนสำคัญที่ผู้ลงทุนชาวไทยไม่อาจมองข้ามได้อีกต่อไป เพราะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้ดีและมีตัวเลือกการลงทุนที่หลากหลายกว่า ดังจะเห็นได้จากข้อมูลของบลูมเบิร์กระหว่างปี 2558 – 2564 พบว่า ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีจากการลงทุนต่างประเทศให้ผลตอบแทนสูงถึง 11.5% ต่อปี เทียบกับผลตอบแทนจากการลงทุนหุ้นไทยซึ่งอยู่ที่เพียง 4.7% ต่อปี (ที่มา: บลูมเบิร์ก) ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า โอกาสในการลงทุนในต่างประเทศมีแนวโน้มที่จะเติบโตสูงกว่าแค่การลงทุนในประเทศ ซึ่งในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้นำการออกกองทุนต่างประเทศที่มีความครอบคลุมและหลากหลาย

ยิ่งเมื่อผนึกกำลังกับ Eastspring Investments ที่สิงคโปร์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการลงทุนในระดับสากล ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มมุมมองทางเลือกในการคัดสรรกองทุนจากหลากหลายประเภทสินทรัพย์เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้สร้างผลตอบแทนได้ดียิ่งขึ้น ด้วยความแข็งแกร่งในจุดนี้ บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จึงถือเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่ผู้ลงทุนชาวไทยต้องนึกถึงเมื่อมองหาโอกาสการลงทุนในต่างประเทศ

Investment Advisory & Market Insights – บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) เชื่อว่าการจัดสรรพอร์ตการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายหรือ Asset Allocation เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างผลตอบแทนการลงทุนที่ดีในระยะยาว เนื่องจากไม่มีสินทรัพย์ใดที่ให้ผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับสภาพตลาดและภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ ยิ่งทำให้การกระจายการลงทุนเป็นสิ่งที่สำคัญ ทางบลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จึงได้ร่วมมือกับอีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ สิงคโปร์ ที่เชี่ยวชาญการบริหารพอร์ตการลงทุน Multi-asset ในสินทรัพย์ทั่วโลกมายาวนาน และมีระบบที่ช่วยจัดพอร์ตการลงทุนและการตัดสินใจลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีแผนที่จะร่วมกันนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมการลงทุนใน Multi-asset ที่จะออกสู่ตลาดในเร็วๆ นี้

ก่อนหน้านี้ บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ยังได้ร่วมกับทีเอ็มบีธนชาต ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์กองทุน ทีทีบี สมาร์ท พอร์ต (ttb smart port ) พอร์ตการลงทุนสำเร็จรูปแนวใหม่ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ โดยประกอบด้วย 5 พอร์ตการลงทุนสำเร็จรูป ที่ลูกค้าสามารถเลือกลงทุนได้เองตามระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม โดยจากการเปิดขายครั้งแรกเมื่อเดือน มิ.ย.2564 สามารถระดมทุนได้ประมาณหนึ่งหมื่นล้านบาท จนปัจจุบันผ่านมา 1 ปีมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการรวม 22,936 ล้านบาท (ข้อมูล เดือน มิถุนายน 2565) (ที่มา: บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย)) ซึ่งคาดว่ากองทุน ทีทีบี สมาร์ท พอร์ต (ttb smart port) จะเป็นกองทุนหลักอีกหนึ่งกองทุนของบลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ในอนาคต

นอกจากนี้ ด้วยจุดแข็งจากความเข้าใจในตลาดไทยมายาวนานและการเข้าถึงข้อมูลการลงทุนในระดับโลก บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ได้มุ่งเน้นทางด้านการให้ความรู้และคำแนะนำในการลงทุน รวมถึงรายงานข้อมูลต่างๆ ทั้งผลิตภัณฑ์ และการวิเคราะห์ตลาดกับผู้ลงทุน ในรูปแบบต่างๆ เช่น การจัดสัมมนาออนไลน์ FB Live และการสื่อสารผ่านช่องทางต่างๆอย่างต่อเนื่อง

Holistic Health & Wealth – ด้วยจุดแข็งสำคัญที่มีผู้ถือหุ้นหลักคือกลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล (Prudential) ผู้ให้บริการทางการเงินระดับสากล บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) เชื่อมั่นว่าการผสานกันระหว่างแนวคิดความมั่งคั่งที่มาพร้อมความมั่นคงจะต่อยอดความสำเร็จในโอกาสการลงทุนแก่ผู้ลงทุนได้ดียิ่งขึ้น ณ ปัจจุบัน ทางบริษัทมีประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit-linked) ที่ครอบคลุมทุกสินทรัพย์ให้เลือกลงทุนผ่านพรูเด็นเชียลทั้งหมด 16 กองทุน

นอกจากนี้ยังร่วมมือกันเพื่อยกระดับการบริการด้านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอีกด้วย บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จะยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาต่อยอดและนำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการด้านการลงทุนให้แก่คนไทยอย่างต่อเนื่องในอนาคต เพื่อเสริมจุดแกร่งนี้ให้แข็งแรงยิ่งขึ้น ด้วยความเชื่อมั่นว่า สุขภาพกายและสุขภาพการเงินเป็นเรื่องสำคัญไม่ต่างกัน ด้วยการผสานพลังร่วมกันภายใต้แบรนด์ บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ทั้งประสบการณ์ความรู้ความเชี่ยวชาญในเชิงลึกสำหรับตลาดประเทศไทย และศักยภาพบริการด้านการลงทุนชั้นนำของอีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ ในระดับสากล

บริษัทพร้อมที่จะส่งมอบผลิตภัณฑ์หรือกองทุนที่มีคุณภาพและหลากหลายให้นักลงทุนชาวไทยได้เลือกสรร ทั้งกองทุนรวมหุ้น กองทุนรวมตราสารหนี้ ทั้งในและต่างประเทศ ผ่านทางช่องทางการขายของทีเอ็มบีธนชาต และตัวแทนสนับสนุนการขายและรับซื้อคืนอีกกว่า 55 แห่ง ทั้งที่เป็นธนาคาร บริษัทประกันชีวิต บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน รวมถึงทีมขายของบริษัท ขณะที่ปัจจุบันบลจ.มีอีสท์สปริง (ประเทศไทย)จำนวนลูกค้ากองทุนรวม 2.72 แสนราย

สำหรับแผนการออกกองทุนใหม่ในช่วงที่เหลือของปีนี้ประมาณ 4-5 กองทุนประกอบด้วย กองทุนเทอมฟันด์ลงทุนในหุ้นกู้เอกชในประเทศ, กองทุนหุ้นตลาดอินโดนีเซีย, กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในธีม Information Tecg ในสหรัฐฯ, กองทุน ESG และกองทุนที่กระจายการลงทุนหลากสินทรัพย์

ด้านนายยิ่งยง เจียรวุฑฒิ รองกรรมการผู้จัดการ สายการลงทุน บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในปีนี้คาดว่าดัชนีจะยังคงแกว่งและเคลื่อนไหวทรงตัวจากปัจจุบันไม่ได้มากนัก เนื่อจากมีปัจจัยบวกและลบเข้ามากระทบต่อการลงทุน แม้ปัจจัยหนุนจากการเปิดเมือง ราคาน้ำมันและค่าเงินบาทอ่อนที่เอื้อต่อการส่งออก แต่เงินเฟ้อยังสูงซึ่งคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ ซึ่งจะกระทบกำลังซื้อและการใช้จ่าย จึงมองตลาดเป็น Neutral หรือกลาง

“ภาพรวมการลงทุนทั่วโลกในปีนี้ยังคงผันผวน การกระจายการลงทุนจะเป็นกลยุทธ์หลักในการลงทุนของบริษัท สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง แนะนำลงทุนตราสารหนี้ 60% และหุ้น 40% โดยแบ่งลงทุนต่างประเทศ 50-60% และในไทย 30-40% ซึ่งเงินลงทุนต่างประเทศอาจกระจายลงทุนในหุ้นโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก ซึ่งจะช่วยลดความผันผวนของพอร์ต เนื่องจากธุรกิจมีกระแสรายได้ ส่วนหุ้นต่างประเทศ สำหรับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ให้น้ำหนักในกลุ่มหุ้นคุณค่าและหุ้นปันผล ส่วนหุ้นเทคโนโลยี โดยเฉพาะนักลงทุนที่มีการลงทุนในกองทุน AKR ไม่แนะนำให้ขาย เนื่องจากราคาปรับตัวลงมามาก และหากลงทุนระยะยาวสามารถทยอยลงทุนเพิ่มได้”นายยิ่งยง กล่าว