ดาวโจนส์ปิดบวก 162 จุด “เทสลา” งบดีกว่าคาด ดอลลาร์อ่อนหนุนกลุ่มเทค

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก ดัชนีดาวโจนส์ปรับเพิ่มขึ้น 162 จุด แรงหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นหลังเงินดอลลาร์อ่อนค่า ด้าน “เทสลา” รายงานผลการดำเนินงานดีกว่าคาด ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วง 3.53 ดอลลาร์ ปิดที่ 96.35 ดอลลาร์ ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก ธนาคารกลางยุโรป ขึ้นดอกเบี้ย 0.50% เป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 11 ปี

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 21 กรกฎาคม 2565 ปิดที่ 32,036.90 จุด เพิ่มขึ้น 162.06 จุด หรือ 0.51% จากการปรับขึ้นของกลุ่มเทคโนโลยีที่หลังจากเงินดอลลาร์อ่อนค่า และจากผลการดำเนินงานของเทสลาที่ดีกว่าคาด

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,998.95จุด เพิ่มขึ้น 39.05 จุด, +0.99%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,059.61จุด เพิ่มขึ้น 161.96 จุด, +1.36%

นักลงทุนซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีต่อเนื่อง ขณะที่ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งทำให้มีแรงซื้อในหุ้นที่ถูกเทขยายหนักก่อนหน้า รวมทั้งยังได้รับแรงหนุนจากเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าหลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% มากกว่า 0.25% ที่คาดไว้ และเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 11 ปี

หลายบริษัทมีรายได้จากตลาดต่างประเทศ

เทสลาปิดบวก 9.8%หลังรายงานผลกำไรที่ดีกว่าคาดและหนุนหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย โดยหุ้นแอปเปิลเพิ่มขึ้น 1.5% หุ้นแอมะซอนเพิ่มขึ้น 1.5% หุ้นไนกี้ บวก 0.5%หุ้นไมโครซอฟท์ บวก 0.95%

หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ลดลงกว่า 10% จากกำไรต่ำกว่าคาด ส่วนหุ้นอเมริกันแอร์ไลน์ลดลง7.4% หลังปรับแผนขยายธุรกิจ แม้ผลการดำเนินงานเป็นไปตามคาด

นิโคลัส โคลาส ผู้ร่วมก่อตั้ง DataTrek กล่าวว่า ปัจจัยหลักคือผลการดำเนินงาน ประเด็นอื่นๆเป็นปัจจัยข้างเคียงที่มีผลต่อตลาดทั้ง นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ความเชื่อมั่นนักลงทุน และเหตุการณ์อื่นที่จะเข้ามากระทบ

ขณะเดียวกันนักลงทุนยังจับตาการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจและแรงกดดันเงินเฟ้อ โดยข้อมูลตลาดแรงงานที่เผยแพร่เมื่อวานนี้สะท้อนตลาดแรงงานยังอ่อนแอ

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานการยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 7,000 ราย สู่ระดับ 251,000 ราย สูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2564 และสูงกว่า 240,000 รายที่นักวิเคราะห์คาด

เฟด สาขาฟิลาเดลเฟีย รายงานดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกเดือนกรกฎาคมลดลงอีกสู่ระดับ -12.3 จาก -3.3 ในเดือนมิถุนายน ซึ่งต่ำกว่า +1.6 ที่นักวิเคราะห์คาด

ในสัปดาห์หน้า นักลงทุนจับตาการประชุมเฟด ขณะที่ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ความน่าจะเป็นที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 26-27 กรกฎาคม 69.1% รวมไปถึงรอการรายงาน GDP ไตรมาส 2

หุ้นกลุ่มพลังงานลดลง หลังราคาน้ำมัน WTI ]fลงกว่า 3% จากข่าวรัสเซียได้กลับมาส่งก๊าซให้แก่ยุโรปแล้วเมื่อวานนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 1.7% หุ้นเชฟรอน ลดลง 0.8%

หุ้นคาร์นิวาลลดลง 11.2% จากประกาศขายหุ้นออกไปมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดยกลุ่มธนาคารที่เพิ่มขึ้น 2.1% หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 0% จาก -0.50% และเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 11 ปี

ECB ยังได้ปรับอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ขึ้น 0.50% จาก 0% และปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขึ้น 0.50%จาก 0.25%

นางคริสตีน ลาการ์ด ประธาน ECB กลาวในการแถลงข่าวว่า เงินเฟ้อยังคงสูงและคาดว่าจะอยูเหนือกรอบเป้าหมายระยะหนึ่ง และข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ว่าการเติบโตชะลอตัว มีผลต่อแนวโน้มในครึ่งหลังของปี 2022 และหลังจากนั้นเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเทียบกับดอลลาร์ ซื้อขายที่ 1.025

รายงานข่าวรัสเซียได้กลับมาส่งก๊าซให้แก่ยุโรปส่งผลให้กล่มพลังงานลดลง 2.1%

นักลงทุนจับตาสถานการณ์ในอิตาลีหลังนายกรัฐมนตรมาริโอ ดรากี ยื่นใบลาออก รวมไปถึงเกาะติดการรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 424.39 จุด เพิ่มขึ้น 1.88 จุด, +0.44%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,270.51 จุด เพิ่มขึ้น 6.20 จุด, +0.09%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,201.11 จุด เพิ่มขึ้น 16.45 จุด, +0.27%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,246.64 จุด ลดลง 35.34 จุด, -0.27%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนสิงหาคมลดลง 3.53 ดอลลาร์ หรือ 3.5% ปิดที่ 96.35 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนกันยายนลดลง 3.06 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 103.86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล