HoonSmart.com>>กลุ่มธนาคารประกาศผลงานไตรมาส 2/65 ออกมาโตตามคาดและดีกว่าที่คาด โดย 2 แบงก์ใหญ่ SCB-KBANK ตั้งสำรองฯเพิ่มขึ้น “เอสซีบี เอกซ์” ใส่เพิ่มกว่า 1 หมื่นล้านบาท โต 2.2% ปลุกความมั่นใจ กำไรยังคงเติบโตดี รายได้ดอกเบี้ยสูง บริษัทลูกในกลุ่มเทคฯทะยานขึ้น เป้าปีนี้สินเชื่อโต 3-5% ส่วน KKP กำไรเหนือคาด ราคาหุ้นวิ่ง นักวิเคราะห์ยังคงแนะนำซื้อหุ้นแบงก์ ราคาลงมาถูกมาก ไตรมาส 3 มีโอกาสโตต่อ สำรองลดลง
ธนาคารพาณิชย์ทยอยประกาศผลประกอบการงวดไตรมาสที่ 2/2565 โดยธนาคารกสิกรไทยมีกำไรสุทธิมากที่สุด จำนวน 10,794 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.36% บริษัท เอสซีบี เอกซ์ (SCB) มีกำไรสุทธิ 10,051 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% ส่วนธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) ดีเกินคาด กำไรกระโดด 50% เป็น 2,033 ล้านบาท รวมครึ่งปีแรกทำได้ 4,089 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.1% ขณะที่ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย (CIMBT) กำไรโตมากที่สุด 71.94% มีกำไรสุทธิ 1,054 ล้านบาท รวมครึ่งปี 2,116 ล้านบาท ทะยานขึ้น121.57% มีเพียง บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป (LHFG) กำไรลดลงมากถึง 51.26% เหลือเพียง 233 ล้านบาท และครึ่งปีลดลง 28.22% เหลือจำนวน 745 ล้านบาท
บริษัท เอสซีบี เอกซ์ (SCB) รายงานผลการดำนินงานงวดไตรมาสที่ 2/2565 มีกำไรสุทธิ 10,051 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 1236 ล้านบาท เติบโตประมาณ 14% จากช่วงเดียวกันปีก่อน รวม 6 เดือนปีนี้มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 20,095 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1193 ล้านบาทหรือ 6.31% ในไตรมาสที่ 2/2565 บริษัทฯมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองมีจำนวน 22,764 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% จากการขยายตัวของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 26,068 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.0% ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 12,634 ล้านบาท ลดลง 2.8%
ธนาคารตั้งเงินสำรองในไตรมาส 2/2565 จำนวน 10,250 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้นจากปัจจัยภายนอกและอัตราเงินเฟ้อระดับสูง อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 2565 อยู่ที่ 3.58% ลดลงจาก 3.70% ณ สิ้นเดือนมี.ค.ในขณะที่อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพยังอยู่ในระดับสูงที่ 153.3% (เพิ่มขึ้นจาก 143.9% ณ สิ้นเดือนมี.ค.2565) และเงินกองทุนตามกฎหมายยังคงอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 18.7%
นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ กล่าวว่า บริษัทยังคงทำกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 โดยมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นตามเป้าหมายและการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างเข้มงวด ในขณะเดียวกัน บริษัทยึดหลักการบริหารด้วยความระมัดระวังอย่างสม่ำเสมอ จึงได้ตั้งสำรองเพิ่มขึ้น เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและป้องกันความผันผวนที่อาจเกิดจากปัจจัยภายนอกและอัตราเงินเฟ้อระดับสูง
นอกจากนี้ บริษัทลูกในกลุ่มเทคโนโลยีมีการเติบโตในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง โดยแพลตฟอร์มโรบินฮู้ด มียอดผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 3.1 ล้านราย และมียอด Gross Merchandise Value (GMV) เพิ่มขึ้นกว่า 7 เท่าจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่บริษัท เอสซีบี อบาคัส และบริษัท มันนิกซ์ ต่างมียอดสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าและมียอดผู้ใช้งานรวมเร่งขึ้นไปเป็นกว่า 4.5 ล้านราย ในด้านธุรกิจเปิดใหม่ บริษัท ออโต้ เอกซ์ ก็ได้เปิดสาขาไปแล้วกว่า 700 แห่งทั่วประเทศและพร้อมเดินหน้าธุรกิจเต็มที่ในครึ่งปีหลัง ทั้งหมดนี้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ยานแม่ ที่จะมุ่งมั่นสร้างมูลค่า และขับเคลื่อนกลุ่มเอสซีบี เอกซ์ สู่การเป็นกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีการเงินระดับภูมิภาคต่อไป
ด้านด้านเป้าหมายการดำเนินงานในปี 2565 ยังคงเป้าการเติบโตของสินเชื่อโต 3-5% ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) 3.1-3.2% อัตราการเติบโตของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ติดลบร้อยละสิบต้น ๆ อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ ประมาณ 40% (40 ต้นๆ ถึงกลางๆ) อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs) น้อยกว่า 3.6% และอัตราส่วนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อ น้อยกว่า 1.45%
นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2 มีกำไรสุทธิ 10,794 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.36% จากงวดปีก่อน ครึ่งปีแรกกำไรสุทธิ 22,005 ล้านบาท เติบโต 12.72% แต่กำไรลดลงจากไตรมาส 1 จำนวน 417 ล้านบาท หรือ 3.72% เกิดจากการตั้งสำรองฯเพิ่มขึ้น 516 ล้านบาท หรือ 5.53% สอดคล้องกับการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ และปัจจัยเชิงเศรษฐกิจต่าง ๆ ขณะที่มีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 261 ล้านบาท หรือ 0.82% ตามการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ
“ธนาคารฯเดินหน้าเชิงกลยุทธ์ด้วยการใช้เทคโนโลยี และกระบวนการใหม่ ๆ รวมทั้งการผนึกกำลังพาร์ทเนอร์เชิงพาณิชย์ในการขยายโอกาสการเข้าถึงบริการธนาคารให้กับประชาชนในวงกว้างสามารถเข้ามาอยู่ในระบบธนาคารพาณิชย์ ให้ได้รับการสนับสนุนเงินทุนและสภาพคล่อง และใช้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ และบริการต่าง ๆ ของธนาคาร ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทย แม้จะขยายตัวต่อเนื่อง แต่ต้องติดตามแรงกดดันจากปัญหาเงินเฟ้อที่จะมีผลกระทบต่อภาคครัวเรือน และทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้น” นางสาวขัตติยากล่าว
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) กล่าวว่า ในไตรมาส 2/2565 มีกำไรสุทธิ 3,438 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาส 1/2565 และ 36% จากไตรมาส 2/2564 ส่งผลให้ 6 เดือนแรกของปีมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 6,633 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% ซึ่ง เป็นผล ไปตามเป้าหมาย ทั้งใ การเติบโตสินเชื่อ แนวโน้มด้านรายได้ การบริหารจัดการค่าใช้จ่าย และคุณภาพสินทรัพย์
“ธนาคารยังคงรักษาโมเมนตัมเชิงบวกของผลกำไรได้อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีที่แล้ว แม้จะมีค่าใช้จ่ายจากแผนลงทุนด้านดิจิทัล แต่ได้รับประโยชน์จากการรวมกิจการด้านต้นทุน หรือ Cost Synergy จึงทำให้สามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้ตามแผน ค่าใช้จ่ายตั้งสำรองฯ ก็ลดลงเช่นกัน จำนวน 4,382 ล้านบาท เทียบกับ 4,808 ล้านบาท ในไตรมาส 1/65 รวม 6 เดือน ปี 65 ตั้งสำรองฯ ทั้งสิ้น 9,190 ล้านบาท เทียบกับ 10,971 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน การสำรองที่ลดลงส่วนหนึ่งเป็นเพราะได้ตั้งสำรองฯ ล่วงหน้าไว้แล้วบางส่วนในปี 2564 และดูแลคุณภาพสินทรัพย์อย่างรอบคอบ ควบคู่กับแก้ปัญหาหนี้เสียเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง ทำให้สัดส่วนหนี้เสียที่ต่ำกว่าระดับอุตสาหกรรม
บล.เคทีบีเอสทียังคงคำแนะนำ“ซื้อ” KBANK และราคาเป้าหมายที่ 190 บาท แม้กำไรสุทธิไตรมาสที่ 2/2565 ลดลง -4% จาก ไตรมาสแรก(QoQ) เป็นไปตามที่ตลาดคาด แต่ต่ำกว่าที่เราคาดเล็กน้อย6% โดยมีการตั้งสำรองฯเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดและมีรายได้ค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าคาด ขณะที่มีเงินปันผลรับและธุรกิจประกันพลิกกลับมาเป็นกำไรเข้ามาช่วยหนุน ด้านหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้( NPLs)ยังทรงตัวได้เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนที่ 3.8%
ทั้งนี้ กำไรสุทธิครึ่งปี 22,005 ล้านบาท คิดเป็น 52% ของประมาณการจึงยังคงประมาณการกำไรสุทธิปีนี้อยู่ที่ 4.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น+11% คาดว่าแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 3 จะเพิ่มขึ้นได้ทั้ง YoY และ QoQ ได้ จากแนวโน้มของสำรองฯที่จะลดลง
ด้านราคาหุ้นลดลง -5% เมื่อเทียบกับ SET ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาจากกระแสเงินทุนจากต่างชาติที่ไหลออก ขณะที่ยังเลือก KBANK เป็น Top pick โดย valuation ยังไม่แพงซื้อขายที่ PBVเพียง 0.68 เท่าเทียบกับกลุ่มธนาคารที่ซื้อขายกันที่ 0.77 เท่า
ส่วน KKP บล.เคทีบีเอสที ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมายที่ 80 บาท หลังประกาศกำไรไตรมาส 2ดีกว่าที่ตลาดคาด +8% แต่เป็นไปตามที่เราคาด โดยมีสำรองฯที่รวมขาดทุนรถยึดลดลงถึง -33% YoY และ -15% QoQ ขณะที่สินเชื่อเติบโตได้โดดเด่นถึง+9.7% จากสินเชื่อทุกประเภท ส่วน NPLs เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.0% จากไตรมาสก่อนที่ 2.9% จากการจัดชั้นที่เข้มงวดมากขึ้น
ในครึ่งแรกมีกำไรสุทธิ 4,089 ล้านบาท คิดเป็น 54% ของประมาณการ จึงยังคงประมาณการกาไรสุทธิในปี 2565 อยู่ที่ 7,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +20% คาดว่าแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 3 จะเพิ่มขึ้น YoYจากสินเชื่อยังคงขยายตัวดีต่อเนื่อง แต่จะลดลง QoQ จากการที่ต้องเริ่มเร่งหาเงินฝากประจำมากขึ้น
ราคาหุ้นมีการปรับตัวลดลง -3% เมื่อเทียบกับ SET ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เพราะได้รับผลกระทบจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น โดยยังชอบ KKP มากกว่า TISCO เพราะสินเชื่อที่โตได้โดดเด่นและมีการเติบโตของกำไรที่สูง รวมถึงมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน ช่วยให้กำไรเติบโตมากกว่าได้ นอกจากนี้ยังมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ 5.5%
บล.โนมูระ พัฒนสิน มีมุมมองบวกต่อกำไร KKP ดีกว่าคาด เพราะค่าใช้จ่ายสำรองต่ำกว่าคาด และสินเชื่อขยายตัวดีต่อเนื่อง +19.3% YoY และ +3.0% QoQ(+9.7% YTD) เพราะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อธุรกิจ ขณะที่กำไรสุทธิลดลง -1% QoQ เพราะรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยลดลง เช่น รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ และเงินลงทุน เป็นต้น
แนวโน้มไตรมาส 3/2565 คาดกำไรเติบโตต่อเนื่อง YoY และ QoQ เพราะสินเชื่อที่ขยายตัวดีต่อเนื่อง อีกทั้ง คาดได้แรงหนุนจากรายได้ค่าธรรมเนียมวานิชธนกิจมีดีล IPO ขนาดใหญ่อยู่ในมือ ภาพรวมปี 2565 กำไรสุทธิคาดเติบโต +28% YoY
คงคำแนะนำ”ซื้อ”หุ้น KKP ปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 90 บาท และคง KKP เป็น Top Pick กลุ่มธนาคารขนาดกลาง-เล็ก (กลุ่ม Auto Lender )