HoonSmart.com>> “UBOT” กองทุนยูไนเต็ด โรโบติกส์ & อาร์ติฟิเชียล อินเทลลิเจนซ์ อีทีเอฟ ลงทุนอุตสาหกรรม Robotics และ AI ทั่วโลก เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันแรก ราคาเปิด 11 บาท เพิ่มขึ้น 9.45% จากราคา IPO ขาย 10.05 บาท ด้าน “บลจ.ยูโอบี” มองธีม Robotics และ AI แนวโน้มเติบโตระยะยาว เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนในเทรนด์แห่งอนาคต และเป็นทางเลือกการบริหารพอร์ต ช่วยกระจายการลงทุน
กองทุนเปิด ยูไนเต็ด โรโบติกส์ & อาร์ติฟิเชียล อินเทลลิเจนซ์ อีทีเอฟ” ซึ่งเป็นกองทุน Thematic ETF จัดตั้งโดย บลจ. ยูโอบี (ประเทศไทย) นโยบายลงทุนในอุตสาหกรรม Robotics และ AI ทั่วโลก เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 21 ก.ค.65 เป็นวันแรก ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “UBOT” ราคาเปิดที่ 11 บาท เพิ่มขึ้น 0.95 บาท หรือ 9.45% จากราคาเสนอขายประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) หน่วยละ 10.50 บาท
กองทุน UBOT เสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรกเมื่อวันที่ 4-14 ก.ค.2565 โดยมีระดับความเสี่ยง 6 เน้นลงทุนในกองทุน Global X Robotics & Artificial Intelligence ETF (BOTZ US) ซึ่งเป็นกองทุนหลักที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ สหรัฐอเมริกา และลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี Indxx Global Robotics & Artificial Intelligence Thematic Index ซึ่งเป็นดัชนีที่ประกอบด้วยบริษัทที่มีศักยภาพที่ได้รับประโยชน์จากนวัตกรรมด้านหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมถึงบริษัทที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ที่ไม่ใช่อุตสาหกรรม และยานยนต์อัตโนมัติ
นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า กองทุน UBOT ซึ่งเป็นกองทุน ETF ต่อยอดจากต้นปีที่ผ่านมานำเสนอกองทุน U-HERO เน้นลงทุนธีมอีสปอร์ตและเกมมิ่ง ที่เป็นกองทุน ETF กองแรกของไทยธีมเมติกในไทย และกองแรกในไทยที่ขยายช่องทางการลงทุนที่จากเดิมนักลงทุนซื้อขายผ่านได้เฉพาะโบรกเกอร์ทีมีบัญชีซื้อขายแล้ว ยังสามารถซื้อขายผ่านตัวแทนจำหน่ายได้
สำหรับกองทุน UBOT เพิ่มโอกาสลงทุนธุรกิจที่เกี่ยวกับหุ่นยนต์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมและหุ่นยนต์ประดิษฐ์ เข้ามามีบทบาทในการประกอบธุรกิจมากขึ้น อีกทั้งเป็นการสานต่อนโยบายตลาดหลักทรัพยที่ต้องการขยายโอกาสการลงทุนให้นักลงทุนไทยลงทุนอีเอฟในต่างประเทศ
ดร.จิติพล พกฤษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์การลงทุน บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า จุดที่น่าสนใจของกองทุน ETF เป็นการลงทุนระยะยาว ซึ่งความผันผวนของตลาดเงินตลาดทุนในช่วงนี้มองเป็นโอกาสในการลงทุนได้ทันที อีกทั้งภาพรวมเงินเฟ้อที่ผ่านมาแล้วในครึ่งแรกของปีนี้ เงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่สูงขึ้น อนาคตอาจเห็นรายได้ของบริษัทจดทะเบียนมีโอกาวปรับตัวลดลงและหุ้นก็อาจลดลงจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แต่หลังจากรายได้ปรับตัวลดลงแล้ว จะเห็นเฟดใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายลงหรือเข้มงวดลดลง ดอกเบี้ยก็จะผ่านจุดสูงสุดแล้วเช่นกันคาดว่าในไตรมาส 3-4 ปีนี้
“หากมองเชิงลงทุน ถ้าเป็นนักลงทุนระยะยาว แม้ดอกเบี้ยจะขึ้น ความผันผวนสูง แต่ก็เป็นโอกาสในการลงทุนในระยะถัดไป และหลังจากนี้เศรษฐกิจก็มีโอกาสถดถอย หากดอกเบี้ยอยู่ระดับสูง แต่การลงทุนสามารถลงทุนได้ 2 แบบ คือระยะสั้น ลงทุนในกลุ่ม Defensive หลบความผันผวนตลาดและสภาพเศรษฐกิจ และหากลงทุนระยะยาว ใช้จังหวะตลาดปรับฐานและราคาสินทรัพย์ไม่แพงมาก ซึ่งการลงทุนเพื่ออนาคตสามารถเลือกลงทุนได้หลายธีม “ดร.จิติพล กล่าว
อย่างไรก็ตามก่อนที่จะนำเสนอธีมนี้ บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) มีแพลฟอร์ตมองระยะยาว เลือกธีมเมติก 6 ธีมที่น่าสนใจและเลือกธีมในอนาคตที่จะเติบโตหลังขึ้นดอกเบี้ยได้ดีที่สุด โดยมองธีมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่ไม่มีกำไรโอกาสถูกกดดันและนักลงทุนก็ยังลดการลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยีล้วนๆ เราจึงเลือกธีมการปฏิวัติอุตสาหกรรมผนวกกันของเทคโนโลยีและอุตสาหกรรม และหาโอกาสเติบโตในอนาคตเข้าด้วยกัน ซึ่งภาพรวมเงินเฟ้อสูง ต้นทุนสูงขึ้น หลายบริษัทจะหาทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ซึ่ง Robotics&AI ตอบโจทย์มากที่สุด
ดร.จิติพล กล่าวว่า ภาพรวมอุตสาหกรรม Robotics&AI มีการพัฒนามาหลายช่วง ซึ่งการใช้หุ่นยนต์ในอุตสาหกรรมเกิดขึ้นมานานตั้งแต่ปี 1970 หุ้นกว่าครึ่งในองทุน ETF สามารถทำกำไรได้แล้วและทำได้ดี จุดที่น่าสนใจในปี 2000 การใช้หุ่นยนต์โรบอทสั่งการได้ทางอินเตอร์เน็ต ยิ่งหนุนการเติบโตก้าวกระโดด และอีกจุดที่น่าสนใจทำให้ธีมนี้โดดเด่นและสามารถลงทุนได้ระยะยาว คือ Industry 5.0 การผนวกเอา AI เข้ากับการทำงานในชีวิตประจำวันของคน ทั้งด้านการบริการ การผลิต อุตสาหกรรม สามารถเอ AI และหุ่นยนต์มาใช้ได้
“จุดที่น่าสนใจในปี 65 นี้ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Robotics และ AI ได้รับความนิยมสูงมาก ราคาหุ้นปรับตัวสูงมาก ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก พอหลังจากดอกเบี้ยเริ่มปรับตัวขึ้น หุ้นกลุ่มนี้ก็ปรับฐาน จุดสำคัญน่าจะมาจากสภาพคล่องในตลาดที่ลดลง แต่เรามองในอนาคต ภาพรวมธุรกิจ AI ที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดี ปัจจุบันส่วนหนึ่งยังมีกำไรไม่มาก อยู่ในขั้นตอนการพัฒนา ดังนั้นการรวมกันของสองส่วนจึงมีความเหมาะสม ได้การลงทุนที่ส่วนหนึ่งมีกำไรแล้วและอีกส่วนเป็นอนาคต จึงสามารถถือครองระยะยาวได้ 5-10 ปีขึ้นไป”ดร.จิติพล กล่าว
นอกจากนี้กองทุน UBOT มีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนกว่า 90% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน มั่นใจได้ว่านักลงทุนจะได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับ BOTZ US กองทุนหลักในต่างประเทศ ในขณะที่ซื้อขายในตลาดหุ้นไทย
ดร.จิติพล กล่าวว่า กองทุน UBOT ถือว่ามีความน่าสนใจค่อนข้างสูง มีการรวมธุรกิจอินโนเวชั่นเข้าไปด้วย กำไรของบริษัทในพอร์ตก็มีโอกาสเติบโต โดยในพอร์ตมีการปรับเปลี่ยนหุ้นปีละครั้งในเดือนมิ.ย. ดังนั้นในภาวะที่เศรษฐกิจที่อาจเข้าสู่ภาวะถดถอ การบริโภคลดลง ภาคอุตสาหกรรมก็จะกระทบมากที่สุด วิธีทางแก้นักลงทุนควรมองกองทุนนี้เป็นการลงทุนระยะยาว และจัดพอร์ตลงทุนในสัดส่วนที่เหมาะสม ซึ่งหากนักลงทุนที่สามารถลงทุนได้ระยะยาว 5-10 ปี แนะนำลงทุนกองทุน UBOT ประมาณ 1-5% ของพอร์ต หากต้องการถือลงทุนระยะยาวเกิน 10 ปี สามารถเพิ่มสัดส่วนลงทุนเป็น 5-10% ของพอร์ตได้ ซึ่งบลจ.ยูโอบีเชื่อว่าในอนาคต กองทุน UBOT จะเป็นกองทุน ETF ที่ตอบโจทย์นักลงทุนได้ดีที่สุด
ทั้งนี้ นักลงทุนสามารถซื้อขายกองทุน UBOT ได้ทั้งแบบเรียลไทม์ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ หรือเลือกซื้อขายผ่านบริษัทจัดการลงทุน และตัวแทนซื้อขายหน่วยลงทุนที่ได้รับแต่งตั้ง โดยดูรายละเอียดกองทุนจากหนังสือชี้ชวนได้ที่ www.sec.or.th หรือบริษัทผู้จัดตั้งกองทุน บลจ. ยูโอบี (ประเทศไทย) www.uobam.co.th โทร 0 2786 2222 หรือศึกษาข้อมูล ETF เพิ่มเติมได้ที่ www.setinvestnow.com
อ่านข่าว
บลจ.ยูโอบี เปิดตัวกองทุน UBOT ETF โอกาสลงทุนธุรกิจ Robotics&AI