ดาวโจนส์ปิดร่วงกว่า 210 จุด – Apple ตัดค่าใช้จ่ายรับมือศก.ถดถอย

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วง ดัชนีดาวโจนส์ลดลงกว่า 210 จุด หลังราคาหุ้นแอปเปิลลดลงจากข่าวบริษัทชะลอการจ้างงาน ลดค่าใช้จ่ายปีหน้า รับมือภาวะเศรษฐกิจถดถอย ด้านราคาน้ำมันดิบพุ่ง 5% หนุน WTI กลับมายืนเหนือระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปิดบวก คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ยแค่ 0.75%

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 18 กรกฎาคม 2565 ปิดที่ 31,072.61 จุด ลดลง 215.65 จุด หรือ 0.69% จากการลดลงของหุ้นแอปเปิลหลังมีรายงานของบลูมเบิร์กว่าบริษัทจะชะลอการจ้างงานและลดการใช้จ่ายในปีหน้าเพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ดัชนี S&P500 ปิดที่ ที่ 3,830.85 จุด ลดลง 32.31 จุด, -0.84%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,360.05 จุด ลดลง 92.37 จุด, -0.81%

หุ้นแอปเปิลลดลง 2.1%

ปีเตอร์ บุควาร์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของ Bleakley Advisory Group กล่าวว่า เมื่อ Apple ซึ่งเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาด 2.4 ล้านล้านดอลลาร์กลับตัว เห็นได้ชัดว่าจะมีผลกระทบการพาดหัวข่าว และเตือนผู้คนว่าบริษัทต่างๆ ต่างรัดเข็มขัดเพราะเห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ผลการดำเนินงานของแอปเปิล จะมีความสำคัญต่อตลาดโดยรวมในแง่ของวิธีจัดการสกุลเงิน สิ่งที่เกิดขึ้นกับธุรกิจในจีน และการตอบสนองเมื่อผู้บริโภคไม่ได้จับจ่ายสินค้า

ในช่วงแรกตลาดปรับตัวขึ้นจากผลการดำเนินงานของโกลด์แมน แซคส์ที่ดีกว่าคาด และจากรายงานข่าวของ เดอะ วอลล์ สตรีต เจอร์นัลว่า เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญานว่า น่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยแค่ 0.75% ในการประชุมเดือนนี้ ไม่ใช่ 1% อย่างที่ประเมินกัน แต่หลังมีรายงานข่าวแอปเปิล ตลาดอ่อนตัวลง ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 350 จุด

ยาน ฮัทซิอุส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากโกลด์แมน แซคส์ คาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.75%

หุ้นโกลด์แมน แซคส์ปรับขึ้น 5.6% ในช่วงแรกแต่ปิดตลาดบวก 2.5%

แบงก์ ออฟ อเมริการายงานผลการดำเนินงานไตรมาสสองดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาด

นักลงทุนเกาะติดการรายงานผลการดำเนินงานไตรมาสสองของบริษัทจดทะเบียน โดยในสัปดาห์นี้มีราว 70 บริษัทที่กำหนดแจ้งผลประกอบการ เช่น จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน เน็ตปลิกซ์ เทสลา ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ รวมทั้งยังรอการให้ความเห็นของผู้บริหารต่อแนวโน้มผลการดำเนินงาน ซึ่งจะเป็นตัวบ่งชี้เศรษฐกิจ

แม้กังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่คาดการณ์กันว่า ผลประกอบการของบริษัทในดัชนี S&P 500 จะขยายตัว 4.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ผลการดำเนินงานทั้งปียังเติบโต 9.9%

หุ้นกลุ่มพลังงานปรับขึ้น จากราคาน้ำมัน WTI เพิ่มขึ้นกว่า 5% โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล เพิ่มขึ้น 1.9% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 1.4%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลง โดยหุ้นไอบีเอ็ม ลดลง 1.3% หุ้นอัลฟาเบท ลดลง 2.5%

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากวันศุกร์ นำโดยกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานที่เพิ่มขึ้น 3% เป็นผลจากตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวดีขึ้น แม้องค์กรพลังงานระหว่างประเทศ ( International Energy Agency) เตือนผู้นำชาติยุโรปให้ลดการใช้พลังงานก่อนหน้าหนาวจะมาถึง

ไมเคิล ฮิวสัน จาก CMC Markets กล่าวว่า ตลาดปรับขึ้นต่อเนื่องจากวันศุกร์ จากการส่งสัญญานของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)การประชุมเดือนนี้มีความเป็นไปได้ที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยแค่ 0.75% ไม่ใช่ 1% อย่างที่คาด

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 417.63 จุด เพิ่มขึ้น 3.85 จุด, +0.93%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,223.24 จุด เพิ่มขึ้น 64.23 จุด, +0.90%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,091.91 จุด เพิ่มขึ้น 55.91 จุด, +0.93%,

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,959.81 จุด เพิ่มขึ้น 95.09 จุด, +0.74%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 5.01 ดอลลาร์ หรือ 5.1% ปิดที่ 102.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 5.11 ดอลลาร์ หรือ 5.1% ปิดที่ 106.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล