HoonSmart.com>>สถาบัน-ต่างชาติถล่มหุ้นธนาคาร ในเดือนก.ค. “เอสซีบี เอกซ์” ทำนิวโลว์ระลอกใหม่ในรอบกว่า 1 ปี แต่ P/E ความสามารถทำกำไรดูดีกว่า “กสิกรไทย-กรุงเทพ” แถมราคายังห่างไกลเป้าหมายตั้งเยอะ แต่ยังไม่เข้าซื้อ กลัวผิดหวังกำไรไตรมาส 2/65 บล.เมย์แบงก์ มอง 3 แบงก์ใหญ่หลุดเส้น 200 วัน มีโอกาสไหลลงต่อ หาก SCB ต่ำกว่า 90 บาทจะลงลึก ส่วน BBLให้แนวรับ 110 บาท ช่วงสั้นแบงก์ตกเป็นเป้าทิ้ง คิวต่อไปกลุ่มพลังงาน
หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ตกเป็นเป้าถล่มขายในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา (1-15 ) โดยเฉพาะบริษัท เอสซีบี เอกซ์ (SCB) จนทำให้ราคาหุ้นทำนิวโลว์ในรอบกว่า 1 ปี แต่เมื่อพิจารณาปัจจัยพื้นฐาน เช่น สัดส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) รวมถึงความสามารถในการทำกำไรผ่านอัตรากำไรสุทธิ อัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) อัตราผลตอบแทนจากทรัพย์สิน (ROA) และส่วนต่างราคาหุ้นเฉียด 37% เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายกลางเฉลี่ยที่นักวิเคราะห์ให้ระดับ 149 บาท ยังดูดีกว่าธนาคารกสิกรไทย (KBANK) และธนาคารกรุงเทพ (BBL) อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังกลัวผิดหวังกำไรสุทธิในไตรมาส 2/65 เพราะคาดการณ์ไม่ได้เรื่องการตั้งสำรองหนี้และผลกระทบจากการขยายธุรกิจไปสู่เทคคอมปานี
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นในกลุ่มธนาคารมีความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจ แม้ว่าทิศทางอัตราดอกเบี้ยจะเป็นขาขึ้น และผลกำไรจะออกมาดีก็ตาม แต่มีความกังวลเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ทำให้ช่วงสั้นนักลงทุนก็จะขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงก่อน ซึ่งไม่เพียงแต่กลุ่มธนาคารเท่านั้น ต่อไปหุ้นในกลุ่มพลังงงานก็อาจจะเผชิญแรงขายด้วยเช่นกัน แม้กำไรไตรมาส 2/2565 จะออกมาค่อนข้างดี แต่ภาครัฐฯขอความช่วยเหลือจากโรงกลั่นยังเป็นปัจจัยกดดันอยู่
“แรงขายหุ้นในกลุ่มธนาคารที่ออกมาค่อนข้างแรง หุ้นแบงก์มีขนาดใหญ่ขนาดนี้ คงจะเป็นสถาบัน และต่างชาติที่ขายออกมา นักลงทุนยังไม่ควรรีบเข้าซื้อ ควรรอให้ฝุ่นหายตลบก่อน ถามว่าหุ้นตอนนี้ถูกไหม จัดว่าถูก แต่ยังไม่ควรรีบซื้อ ให้รอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯก่อน ถ้าออกมาไม่ถดถอย หุ้นในกลุ่มธนาคารจะเด้งขึ้น ค่อยเข้าลงทุนก็ยังทัน” นายวิจิตรกล่าว
ตอนนี้หุ้น SCB ถือว่าอ่อนแอที่สุดเมื่อเทียบกับหุ้นธนาคารอื่น หลังจากที่ราคาหุ้นได้หลุดเส้น 200 วันมานานแล้ว ตอนนี้อยู่ในทิศทางแกว่ง Sideway Down ในการหาจุดต่ำสุดใหม่ สัญญาณทางเทคนิคเป็นชะลอ นักลงทุนยังลดน้ำหนักอยู่ จุดต่ำสุดเดิมตอนนี้อยู่ที่ 90 บาท เมื่อเดือนก.ค.2564 หากหลุดอีก จะลงลึกเลย ซึ่ง SCB ยังมีจังหวะในการ Panic Sell อีกระลอก เพราะ SCB มีปัจจัยเสี่ยงอยู่มาก
ส่วน KBANK ราคาหุ้นได้ทำจุดสูงสุดที่ 175 บาท เมื่อเดือนก.พ. 2565 หลังจากนั้นก็ปรับตัวลงมาเรื่อย ๆ ตอนนี้เป็นครั้งแรกที่หลุดเส้น 200 วันที่ 144 บาท และยังหลุดจุดต่ำสุดที่ 141 บาทด้วย ราคานี้ยังไม่ควรซื้อให้รอสักพัก เพราะผู้เล่นมีของมากพร้อมที่จะขายกระแทกออกมาได้ทุกเมื่อ ซึ่ง KBANK รูปแบบคล้ายคลึงกับ SCB
ส่วน BBL เริ่มหลุดเส้น 200 วัน ที่ 128 บาท ต่อไปให้จับตาจะหลุดที่จุดต่ำสุดเดิมที่ 124.5 บาท หรือไม่ ซึ่งรูปแบบไม่ต่างไปจาก SCB และ KBANK ตอนนี้มองแนวรับที่ 110 บาท
“ตอนนี้คนติดหุ้นกันหมด ทำให้กลัวที่จะลงทุน ดังนั้นต้องรอให้เกิด Panic ก่อน หรือแรงขายชะลอตัวหน่อยค่อยเข้าไปซื้อ ในเชิงปัจจัยพื้นฐานแนะนำ “ซื้อ” KBANK น่าสนใจมากที่สุด เพราะเด้งขึ้นได้ดี ถ้าเศรษฐกิจฟื้น แต่ก็มีความผันผวนที่สุดในกลุ่มแบงก์” นายวิจิตรกล่าว