HoonSmart.com>>”ไทยประกันชีวิต”ได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมจากนักลงทุนสถาบันทั้งใน-ต่างประเทศ มูลค่าเสนอขายรวม 37,067 ล้านบาท ชู IPO สูงสุดในตลาดหลักทรัพย์ในปี 65 หมวดธุรกิจประกันภัยและประกันชีวิตสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดทุนไทย -ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นับจากปี 2543 สะท้อนถึงปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ความสามารถสร้างผลงานมั่นคง ศักยภาพสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน มีมาร์เก็ตแคป 183,200 ล้านบาท
นายไชย ไชยวรรณ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต (TLI) กล่าวว่า การสำรวจความต้องการจองซื้อหุ้นบริษัทไทยประกันชีวิต สำหรับนักลงทุนสถาบันทั่วโลก และการจองซื้อหุ้นของนักลงทุนประเภทบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลในประเทศไทย เมื่อวันที่ 6 ก.ค. ที่ผ่านมา ได้รับกระแสการตอบรับที่ดีเยี่ยมและความสนใจในการลงทุนเป็นจำนวนมาก แม้ในสภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์ด้านตลาดทุนที่ยังคงมีความผันผวนเป็นอย่างมาก
บริษัทไทยประกันชีวิตขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้ความสนใจในการเข้าลงทุนหุ้น TLI และให้ความเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของปัจจัยพื้นฐานและศักยภาพในการสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนของบริษัท
“ผมและทีมผู้บริหารของไทยประกันชีวิตมีความมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งที่จะต่อยอดความสำเร็จทางธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว และเพื่อประโยชน์สูงสุดของนักลงทุนและผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ตลอดจนมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ไทยประกันชีวิตจะเป็นบริษัทประกันชีวิตที่สามารถสร้างผลกระทบในเชิงบวกให้กับเศรษฐกิจและสังคมไทย ตลอดจนอยู่เคียงข้างดูแลลูกค้าและคนไทยอย่างยั่งยืน”นายไชยกล่าว
ทั้งนี้ จากกระแสตอบรับและความสนใจอันล้นหลามของนักลงทุนทุกประเภท ไทยประกันชีวิตได้จัดสรรหุ้นจำนวนรวมทั้งสิ้น 2,316.7 ล้านหุ้น (รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกินเต็มจำนวน) คิดเป็นมูลค่าเสนอขายรวมทั้งสิ้น 37,067 ล้านบาท และคิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป ประมาณ 183,200 ล้านบาท ที่ราคาเสนอขาย 16 บาทต่อหุ้น โดยมีสัดส่วนเสนอขายระหว่างนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ประมาณ 69.9% และ 30.1% ตามลำดับ และสัดส่วนระหว่างนักลงทุนในประเทศและนักลงทุนต่างประเทศ ประมาณ 60.5% และ 39.5% ตามลำดับ
สำหรับเงินที่ได้รับจากการระดมทุนในครั้งนี้รวมประมาณ 13,600 ล้านบาท บริษัทจะนำไปต่อยอดธุรกิจ นำเสนอคุณค่าที่แตกต่าง เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ได้แก่ (1) การลงทุนเพื่อพัฒนาด้านเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Transformation) และการทำการตลาดและการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง ประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยจะมุ่งเน้นขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล และนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการแบบลักษณะเฉพาะบุคคล (Personalization) เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย
(2) การรักษาตำแหน่งผู้นำในอุตสาหกรรมประกันชีวิตของประเทศไทยด้วยการเสริมสร้างเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่มีอยู่ของไทยประกันชีวิตให้เข้มแข็งมากขึ้น พร้อมขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านออนไลน์ รวมถึงการยกระดับประสบการณ์ลูกค้าด้วยการนำเสนอคุณค่าที่แตกต่าง การเสริมสร้างความแข็งแกร่งของช่องทางจัดจำหน่ายผ่านพันธมิตรและเพิ่มคู่ค้าในการจัดจำหน่าย ประมาณ 5,400 ล้านบาท และ (3) การเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเงินทุนให้มากยิ่งขึ้น และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและวัตถุประสงค์อื่น ๆ ในอนาคต ประมาณ 6,200 ล้านบาท
สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจในหุ้น TLI แต่ไม่ได้จองซื้อตอนขาย IPO สามารถซื้อหุ้น TLI ได้ในตลาดรอง โดยคาดว่าจะสามารถเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นวันแรก 25 ก.ค.นี้ พร้อมกับเริ่มทำการรักษาเสถียรภาพของราคาหุ้น (Stabilization Activity) ในช่วง 30 วันแรกหลังหุ้นของ TLI เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ