BRR ออกหุ้นกู้ไม่เกิน 950 ลบ. ขายส.ค.นี้ ชูดอกเบี้ยสูง 5.60%

HoonSmart.com>> “น้ำตาลบุรีรัมย์” ออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 950 ล้านบาท อายุ 3 ปี เสนอขายผู้ลงทุนสถาบันและ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ ระหว่างวันที่ 11 และ 15-16 ส.ค.65 ชูดอกเบี้ยคงที่ 5.60% ต่อปี ด้าน TRIS Rating จัดอันดับเครดิตองค์กรที่ “BBB-” แนวโน้ม “Stable” เตรียมนำเงินคืนเงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงิน 800 ล้านบาท ใช้ขยายธุรกิจและเป็นเงินทุนหมุนเวียน

นายอนันต์ ตั้งตรงเวชกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ (BRR) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ และผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอน เพื่อเสนอขายต่อนักลงทุนในวงจำกัดแก่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ (PP-II/HNW) วงเงิน ไม่เกิน 950 ล้านบาท ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้จัดจำหน่าย สำหรับหุ้นกู้ดังกล่าวมีอายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.60 % ต่อปี โดยจ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ โดยเปิดจองซื้อในวันที่ 11 และ 15-16 สิงหาคม 2565

สำหรับการออกขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงินจำนวน 800 ล้านบาท และ 2) ใช้ในการขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัทจำนวน 100 ล้านบาท และ 3) ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทจำนวน 50 ล้านบาท ซึ่งการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ จะช่วยเสริมให้ฐานะการเงินของบริษัทฯ แข็งแกร่งมากขึ้น เพื่อรองรับการขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัท

บริษัทฯ มีแผนการขยายธุรกิจในโครงการธุรกิจเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ด, โครงการติดตั้งระบบบำบัดมลพิษอากาศแบบไฟฟ้าสถิต (ESP Boiler) และ โครงการติดตั้ง new rotor turbine Generator 10 mw

ขณะที่ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด (TRIS Rating) สถาบันจัดอันดับเครดิตความน่าเชื่อถือของไทย ได้ประกาศอันดับความน่าเชื่อถือของ BRR ที่ระดับ “BBB-” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ณ วันที่ 24 มิถุนายน 2565 ซึ่งสะท้อนถึงประสบการณ์ที่ยาวนานในธุรกิจน้ำตาล ตลอดจนการกระจายความเสี่ยงจากธุรกิจน้ำตาลไปสู่ธุรกิจผลิตไฟฟ้าและบรรจุภัณฑ์ของกลุ่มบริษัท

นอกจากนี้ ยังเป็นการตอกย้ำความแข็งแกร่งทางธุรกิจของ BRR ในช่วงที่ผ่านมา จากผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563-2564 ที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 6.17 ล้านบาท และ 127.04 ล้านบาท ตามลำดับ และในงวด 3 เดือนปี 2564 และปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 185.85 ล้านบาท และ 425.09 ล้านบาท ตามลำดับ

ในปี 2564 ถึงแม้บริษัทจะได้รับปัจจัยลบจากปริมาณขายน้ำตาลที่ลดลง เนื่องจากการเลื่อนส่งมอบน้ำตาลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยน แต่ด้วยราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกที่ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปี 2563 รวมถึงรายได้จากกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ที่เพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อน ส่งผลให้ในภาพรวมบริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากปี 2563 จำนวน 120.87 ล้านบาท และสำหรับงวด 3 เดือนปี 2565 กลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 239.25 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 128.73 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2564 สาเหตุหลักมาจากปริมาณและราคาขายน้ำตาลเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น โดยปริมาณการขายน้ำตาลเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 244 และราคาขายน้ำตาลเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้นตามราคาตลาดโลกเฉลี่ยร้อยละ 10 ต่อตันน้ำตาล