TH เซ็นสัญญาร่วมโครงการ Web3ESPA พัฒนา Web3 Decentralized Storage ในไทย

HoonSmart.com>> “ตงฮั้ว โฮลดิ้ง” เผยติด 1 ใน 15 บริษัททั่วโลกและเป็นบริษัทเดียวในไทย ผ่านเกณฑ์เข้าร่วมโครงการ Web3ESPA จัดตั้งโดย Protocol Labs สหรัฐฯ เพื่อพัฒนา Web3 Decentralized Storage ในประเทศไทย สอดคล้องเป้าหมายบริษัท เดินหน้าขยายธุรกิจ รองรับเมกะเทรนด์ พร้อมขึ้นเป็นผู้นำด้าน Web3 Decentralized Storage ในไทย

บริษัท ตงฮั้ว โฮลดิ้ง (TH) เปิดเผยว่า Tong Hua Labs (ตงฮั้วแล็บส์) ฝ่ายพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ภายใต้บริษัท ตงฮั้ว โฮลดิ้ง ได้เซ็นสัญญาเข้าร่วมโครงการ Web3ESPA (Web3 Enterprise Storage Provider Accelerator) ซึ่งโครงการนี้จัดตั้งโดยบริษัท Protocol Labs (ผู้ก่อตั้งโปรเจค IPFS และ Filecoin), PikNik (ผู้นำด้าน Decentralized Storage ของสหรัฐอเมริกา), Seagate (บริษัทชั้นนําด้าน Data Storage) และ AMD (บริษัทชั้นนําด้าน Semiconductor) เพื่อศึกษาและจัดทําแผนพัฒนาธุรกิจด้าน Web3 Decentralized Storage โดยใช้เทคโนโลยี IPFS และ Filecoin

โครงการ Web3ESPA ได้เลือก บริษัท ตงฮั้ว โฮลดิ้ง เป็น 1 ใน 15 บริษัทจากทั่วโลกและเป็นบริษัทเดียวในประเทศไทย ที่ผ่านเกณฑ์การเข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ ซึ่งจะมีประชุมทางธุรกิจรอบแรกที่มลรัฐลาส เวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปลายเดือนกรกฎาคมนี้ เพื่อขยายโครงสร้างพื้นฐานการจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายอํานาจในเอเชีย

บริษัท ตงฮั้ว โฮลดิ้ง   เติบโตจากธุรกิจสื่อและสิ่งพิมพ์ ซึ่งจัดทําสื่อและเนื้อหาข่าวมายาวนานกว่า 60 ปี  บริษัทฯ มองว่าสื่อมีบทบาทในการจัดเก็บข้อมูล ข่าวสารซึ่งถือเป็นองค์ความรู้ที่สำคัญของคนทุกระดับชั้น และควรถูกจัดเก็บอย่างมีประสิทธิภาพและสมบูรณ์มากที่สุด เนื่องจากโลกของอินเทอร์เน็ตและโลกความจริงได้เชื่อมต่อกันมากขึ้น ทําให้ข้อมูลบนโลกอินเทอร์เน็ตมีความสําคัญอย่างเลี่ยงไม่ได้

บริษัท ได้มองเห็นถึงปัญหาของโครงสร้างพื้นฐานการจัดเก็บข้อมูลในยุคปัจจุบัน เนื่องจากโลกอินเทอร์เน็ตที่เรารู้จัก ถูกจํากัดโดย Content Delivery Networks และโปรโตคอล HTTP และการจัดเก็บข้อมูลมีบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีคอยควบคุมจนเกิดปัญหาเช่น “ข้อมูลไม่ถูกแบ่งปันไปยังผูให้บริการรายอื่น (Data Silos)”, “การผูกขาดซึ่งนําไปสู่การคิดค่าบริการที่ไม่เป็นธรรม (Monopolization)”, “การหาผลประโยชน์จากข้อมูลของผู้ใช้งาน (Unethical Monetization)”, “ปัญหาด้านการควบคุมและจัดการข้อมูลส่วนบุคคล (Data Privacy and Sovereignty)”, “ปัญหาด้านความเสถียรของระบบ (Robustness)” และ “ปัญหาด้านความไว้วางใจระหว่างผู้ใช้และผู้ให้บริการ (Trust Issues)”

ปัญหาข้างต้นเป็นสาเหตุบางส่วนที่ทำให้ Decentralized Storage มีความสําคัญในการแก้ไขปัญหาการจัดเก็บข้อมูลแบบดั้งเดิม นอกจากนั้นระบบยังถูกออกแบบมาเพื่อช่วย “พิสูจน์ความถูกต้องของข้อมูล”, “ป้องกันการทําซ้ำ แก้ไข เปลี่ยนแปลงข้อมูล” และ “ลดการจัดเก็บข้อมูลที่ซ้ำซ้อน” เป็นต้น ทั้งยังให้ผู้ใช้งานสามารถเป็นเจ้าของข้อมูลอย่างแท้จริง และสามารถกําหนดสิทธิการเข้าถึงให้แก่บุคคล หรือองค์กรใดก็ได้ตามความต้องการ

ทั้งนี้ การเข้าร่วมโครงการดังกล่าว สอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัทฯ ในการขยายธุรกิจเพื่อรองรับเมกะเทรนด์ในการก้าวเข้าสู่ Web3 และเทคโนโลยีที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งยังเชื่อมโยงกับโปรเจค Decentralized Infrastructure ที่บริษัทฯ กําลังพัฒนาอยู่ในปัจจุบัน พร้อมเข้าสู่ธุรกิจและขึ้นเป็นผู้นำด้าน Web3 Decentralized Storage ในประเทศไทย

การเข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ จะเป็นการเปิดโอกาสให้บริษัทฯ สามารถขยายธุรกิจทางด้านอื่น ๆ ในอนาคตได้อีกด้วย