EGCO เซ็นกู้ 2.7 พันลบ. ก่อสร้างโรงไฟฟ้าเอ็กโก โคเจนฯ ส่วนขยาย

HoonSmart.com>> “ผลิตไฟฟ้า” เดินหน้าโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมแห่งใหม่ เซ็นสัญากู้เงิน 2,700 ล้านบาท กับแบงก์กรุงเทพ-ออมสิน-ไอซีบีซี (ไทย) ก่อสร้างโรงไฟฟ้าเอ็กโก โคเจนเนอเรชั่น กำลังผลิต 74 เมกะวัตต์ เพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าปัจจุบัน สัญญาซื้อขายไฟฟ้าสิ้นสุดปี 67

บริษัท ผลิตไฟฟ้า (EGCO) แจ้งว่า บริษัท เอ็กโก โคเจนเนอเรชั่น จํากัด (เอ็กโก โคเจน) ซึ่งถือหุ้นโดยเอ็กโก ในสัดส่วน 80% และบริษัท เจ พาวเวอร์ โฮลดิ้งส์(ประเทศไทย) จํากัด ในสัดส่วน 20% ได้ลงนามสัญญาเงินกู้กับธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) ธนาคารออมสิน และ บริษัท ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) จํากัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.2565 วงเงินประมาณ 2,700 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมแห่งใหม่

เอ็กโก โคเจน เป็นเจ้าของและเดินเครื่องโรงไฟฟ้าเอ็กโก โคเจนเนอเรชั่น ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมระยอง ตําบลมาบข่า อําเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง โดยขายกระแสไฟฟ้าให้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าเป็นระยะเวลา 21 ปี และขายไฟฟ้าและไอนํ้าให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมในบริเวณใกล้เคียงตั้งแต่ปี 2546

ปัจจุบัน เอ็กโก โคเจน อยู่ระหว่างพัฒนาและก่อสร้างโรงไฟฟ้าเอ็กโก โคเจนเนอเรชั่น ส่วนขยาย ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ประเภทโคเจนเนอเรชั่นที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง และมีกําลังผลิตสุทธิ 74 เมกะวัตต์ โดยใช้งบลงทุนรวมทั้งสิ้น 3,600 ล้านบาท เพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าปัจจุบัน ซึ่งสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจะสิ้นสุดลงในปี 2567 โดยจะก่อสร้างบนพื้นที่ว่างถัดจากโรงไฟฟ้าเอ็กโก โคเจนเนอเรชั่น โรงปัจจุบัน

อีกทั้ง เอ็กโก โคเจน ได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. ภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กทดแทน (SPP Replacement) เป็นระยะเวลา 25 ปี เมื่อเดือนมกราคม 2565 และมีสัญญาก่อสร้างร่วมกับบริษัท ทีทีซีแอล จํากัด (มหาชน) และบริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น จํากัด (มหาชน) โครงการดังกล่าวเริ่มดําเนินการก่อสร้างแล้วในเดือนพฤษภาคม 2565 และมีกําหนดการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในเดือนมกราคม 2567

การลงทุนนี้เป็นไปตามแผนกลยุทธ์ของเอ็กโกที่จะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจและสร้างความยั่งยืนให้แก่เอ็กโก และช่วยส่งเสริมความมั่นคงทางพลังงานให้แก่ภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ โรงไฟฟ้าแห่งนี้ได้ใช้เทคโนโลยีล่าสุด ซึ่งจะช่วยพัฒนาศักยภาพการใช้พลังงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมประเทศ