HoonSmart.com>> ตลาดหลักทรัพย์ฯ ชี้นักลงทุนกังวลเงินเฟ้อพุ่ง เสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย ฉุดดัชนีตลาดหุ้นหลักหลายแห่งร่วงกว่า 20% จากจุดสูงสุดของปี เข้าสู่ภาวะตลาดหมี แห่เพิ่มสัดส่วนเงินสดในพอร์ต ต่างชาติขายหุ้นไทยเดือนมิ.ย.เป็นเดือนแรกเฉียด 3 หมื่นล้านบาท หลังซื้อสุทธิ 6 เดือน รวมครึ่งปีซื้อสุทธิเหลือ 1.09 แสนล้านบาท ฉุดดัชนหุ้นไทยเดือนมิ.ย.ลดลงกว่า 5.7% จากเดือนก่อนหน้า หากเทียบสิ้นปี 64 ผลตอบแทนติดลบเพียง 5.4% น้อยกว่าตลาดในภูมิภาค แรงหนุนอุตสาหกรรมได้อานิสงส์เปิดเมือง “กลุ่มบริการ เกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร ทรัพยากร อสังหาริมทรัพย์” ปรับตัวดีกว่าตลาด

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ผู้ลงทุนแสดงความกังวลเกี่ยวกับสภาวะเงินเฟ้อที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบหลายสิบปี อีกทั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกเติบโตในระดับต่ำ ซึ่งมีความเสี่ยงทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจซบเซา หรือ Stagflation ทำให้ผลตอบแทนของดัชนีตลาดหลักทรัพย์หลักหลายแห่งปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดของปีไปกว่า 20% หรือเข้าสู่ภาวะตลาดหมี (Bear Market) โดยเริ่มเห็นการพิจารณาเพิ่มสัดส่วนเงินสดใน portfolio ทำให้ ณ สิ้นเดือนมิ.ย.2565 SET Index ปิดที่ 1,568.33 จุด ปรับลดลง 5.7% จากเดือนก่อนหน้า และเมื่อเทียบกับสิ้นปี 2564 SET Index ปรับลดลงเพียง 5.4% ซึ่งลดลงน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นในภูมิภาค
ด้านธนาคารโลก (World Bank) ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2022 เหลือ 2.9% จากก่อนหน้าที่ 4.1% แม้ว่าความเสี่ยงจากเศรษฐกิจถดถอยยังคงจำกัด แต่จากการเพิ่มขึ้นของราคาพลังงานและอาหาร บวกกับการหยุดชะงักของระบบห่วงโซ่อุปทานที่เกิดจากกรณีรัสเซียบุกยูเครนและแรงผลักดันธนาคารกลางทั่วโลกในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ทำให้เกิดส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยนโยบายซึ่งส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศและอัตราแลกเปลี่ยน

ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนมิ.ย.2565 SET Index ปิดที่ 1,568.33 จุด ปรับลดลง 5.7% จากเดือนก่อนหน้า และเมื่อเทียบกับสิ้นปี 2564 SET Index ปรับลดลงเพียง 5.4% ซึ่งลดลงน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นในภูมิภาค SET Index ใน 6 เดือนแรกปี 2565 ได้แรงหนุนจากอุตสาหกรรมที่ได้รับอานิสงส์จากการกลับมาเปิดเมือง โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2564 ได้แก่ กลุ่มบริการ กลุ่มเกษตรและอุสาหกรรมอาหาร กลุ่มทรัพยากร และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์

ด้านมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai ในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา อยู่ที่ 71,693 ล้านบาท ลดลง 26.2% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยใน 6 เดือนแรกปี 2565 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 87,342 ล้านบาท โดยผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิเป็นเดือนแรกหลังจากซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่หก โดยในเดือนมิ.ย.2565 ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 29,990 ล้านบาท อย่างไรก็ตามใน 6 เดือนแรกปี 2565 ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิรวม 109,067 ล้านบาท
ขณะที่บริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ซื้อขายใน SET ในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาจำนวน 1 บริษัท ได้แก่ บริษัท ฑีฆาก่อสร้าง (TEKA) และใน mai 1 บริษัท ได้แก่ บริษัท สหไทยการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ (STP)
ด้าน Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนมิ.ย.2565 อยู่ที่ระดับ 16.1 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 12.4 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 16.8 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 13.0 เท่า
ด้าน Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนมิ.ย.2565 อยู่ที่ระดับ 16.1 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 12.4 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 16.8 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 13.0 เท่า
อย่างไรก็ตาม SET Index ในปัจจุบันถือว่าปรับลดลงมาพอสมควรแล้ว ซึ่ง P/E ต่ำกว่าเฉลี่ยย่อนหลัง (ตั้งแต่เดือนม.ค.2563-พ.ค.2565) ซึ่งอยู่ที่ 18.5 เท่าและ 21.6 เท่า ตามลำดับ
ส่วนอัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนมิ.ย.2565 อยู่ที่ระดับ 2.87% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 2.89%
สำหรับภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) ในเดือนมิ.ย.2565 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 638,943 สัญญา เพิ่มขึ้น 35.4% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ที่สำคัญจากการเพิ่มขึ้นของ Single Stock Futures และ SET50 Index Futures และในช่วง 6 ปีเดือนแรกของปี 2565 TFEX ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 571,320 สัญญา เพิ่มขึ้น 1.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
