HoonSmart.com>>กระทรวงพาณิชย์ระกาศตัวลขเงินเฟ้อเดือนมิย.เพิ่มขึ้น 7.66% มากกว่าที่ตลาดคาดไว้ 7.5% รวม 6 เดือนแรกเพิ่มขึ้น 5.61% ยันราคาสินค้าในเดือนมิ.ย.ไม่ได้สูงมาก เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นมากทางเทคนิคจากฐานปีก่อนต่ำ คาดไตรมาส 3 ใกล้เคียงไตรมาส 2 ที่ระดับ 6.47% ไตรมาส 4 ปรับตัวลง คงเป้าทั้งปี 65 ไว้ในกรอบเดิม 4-5% โดยค่ากลางอยู่ที่ 4.5% ตัวเลขเงินเฟ้อสูงต่อเนื่อง ตลาดฟันธงกนง.ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายแน่ส.ค.นี้
นายรณรงค์ พูนพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) หรืออัตราเงินเฟ้อทั่วไป เดือนมิ.ย. 2565 อยู่ที่ระดับ 107.85 เพิ่มขึ้น 7.66% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และสูงกว่าที่ตลาดคาด 7.5% และเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.90% จากเดือน พ.ค.2565 ส่งผลให้เงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น 5.61% ทังนี้เงินเฟ้อในเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 7.1%
ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) หรืออัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เดือนมิ.ย. 2565 อยู่ที่ระดับ 102.99 เพิ่มขึ้น 2.51% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.24% จากเดือน พ.ค.2565 ส่งผลให้เงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยครึ่งปีแรก เพิ่มขึ้น 1.85%
ทั้งนี้สนค.จะยังคงคาดการณ์เงินเฟ้อทั้งปี 2565 ไว้ในกรอบเดิมก่อนที่ 4-5% โดยค่ากลางอยู่ที่ 4.5% เนื่องจากสถานการณ์ที่ยังมีความไม่แน่นอนในหลายปัจจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ผู้อำนวยการ สนค. กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อในเดือนมิ.ย. ถือว่าไม่ได้เพิ่มสูงขึ้นมากจากเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากมาตรการของภาครัฐที่พยายามช่วยเหลือประชาชน และผู้ประกอบการภาคเอกชนได้ให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการตรึงราคาขายปลีก เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อค่าครองชีพของประชาชน โดยคำนึงถึงการได้รับประโยชน์ร่วมกันอย่างสมดุล ทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค เป็นสำคัญ
หากมองในมิติการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อในเดือนมิ.ย. ปัจจัยหลักยังคงเป็นราคาพลังงาน ทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าไฟฟ้า และก๊าซหุงต้ม ซึ่งมีสัดส่วนถึง 61.83% ซึ่งทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปขยายตัว 7.66%
“เงินเฟ้อในเดือนมิ.ย.ที่ 7.66% ถือว่าไม่ได้สูงมาก เป็นการสูงขึ้นในทางเทคนิค เพราะฐานคำนวณของเดือนมิ.ย.ปีก่อนอยู่ที่ 99 ยังไม่ถึง 100 ถ้าปีก่อนสูงกว่า 100 ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมิ.ย.ปีนี้ ก็คงแค่ 7% ต้นๆ” นายรณรงค์ ระบุ
สำหรับการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าในเดือนมิ.ย. นี้ พบว่า มีสินค้าและบริการจำนวน 213 รายการ ที่ราคาสูงขึ้น และลดลงมี 80 รายการ ขณะที่ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มี 137 รายการ
แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อในไตรมาส 3/2565 คาดว่ายังมีแนวโน้มขยายตัวในระดับที่ใกล้เคียงกับไตรมาส 2/2565 ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 6.47% คาดว่า ในไตรมาส 4/65 จะค่อยเริ่มปรับตัวลดลง โดยเหตุผลส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยทางเทคนิคที่อัตราเงินเฟ้อไตรมาส 4/64 อยู่ในระดับสูง
แนวโน้มเงินเฟ้อในช่วงครึ่งปีหลังยังมีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ ซึ่งยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะยุติลงเมื่อไร หรือความขัดแย้งจะขยายวงกว้างไปยังพื้นที่อื่นเพิ่มเติมหรือไม่ ตลอดจนสถานการณ์ค่าเงินบาท และนโยบายการเงินว่าจะสามารถชะลอการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อได้หรือไม่
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ส่งผลต่อเงินเฟ้อได้ทั้ง 2 มิติ กล่าวคือ มิติแรก เมื่อมีการผ่อนคลายมาตรการด้านสาธารณสุข มีการเปิดประเทศ จะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมา ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น ก็จะส่งผลต่อเงินเฟ้อด้วย และมิติที่สอง จากที่รัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชน เช่น การดูแลราคาน้ำมัน ค่าน้ำ ค่าไฟ ซึ่งหากมาตรการเหล่านี้หมดไป ก็จะมีผลต่อเงินเฟ้อด้วยเช่นกัน
“การหยุดยั้งเงินเฟ้อด้วยนโยบายการเงิน อาจจะหยุดได้ในเชิงทฤษฎี ซึ่งการปรับเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ ส่วนใหญ่จะมาจากปัจจัยภายนอก ต้องรอดูว่า การขึ้นดอกเบี้ยจะมีผลต่อเงินเฟ้อมากน้อยเพียงใด” นายรณรงค์ กล่าว
ผู้อำนวยการ สนค. กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อของไทยในปัจจุบัน ถือว่ายังอยู่ในกลุ่มประเทศที่เงินเฟ้อต่ำ ซึ่งล่าสุด ในเดือนพ.ค. อัตราเงินเฟ้อของไทยอยู่ในอันดับที่ 87 เมื่อเทียบกับทั้งหมดที่ 123 ประเทศ ส่วนประเทศที่อัตราเงินเฟ้อสูงสุดเป็นอันดับแรกนั้น สูงถึง 211% ดังนั้นอัตราเงินเฟ้อของประเทศไทยจึงถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำเมื่อเทียบกับนานาประเทศ
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์คาดการณ์ว่า เงินเฟ้อเดือนมิ.ย.ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ และสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากเดือนพ.ค.อยู่ที่ 7.1% เป็นแรงกดดันให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ต้องพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกบี้ยอย่างแน่นอน แต่จะต้องติดตามว่าการประชุมในวันที่ 10 ส.ค.จะเพิ่มขึ้น 0.25% หรือ 0.50%