“เถ้าแก่น้อย”รุกตลาดทั้งใน-ตปท.เต็มสูบเปิดสาขาเซี่ยงไฮ้

TKN เดินหน้าปั้นแบรนด์ เถ้าแก่น้อย ให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในตลาดโลก เปิดตัวสินค้าสาหร่ายเทมปุระไข่เค็มสุดพรีเมี่ยมในไทย พร้อมเปิดสำนักงานสาขาที่เซี่ยงไฮ้ ทำการตลาดในจีน เปิดตัว ‘Nora’ Seaweed Snack อย่างเป็นทางการ เป็นแบรนด์หลักขยายตลาดอเมริกา

นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) กล่าวว่า บริษัทฯ เดินหน้ารุกตลาดทั้งในประเทศและตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของตลาดในประเทศ เถ้าแก่น้อยยังคงครองส่วนแบ่งการตลาดกว่าร้อยละ 70 และยังเดินหน้ากิจกรรมการตลาดและออกสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย อาทิเช่น สาหร่ายอบสไตล์เถ้าแก่น้อย และเวย์โปรตีน ‘My Whey’ เวย์โปรตีนที่รสชาติอร่อยไม่เป็นรองใคร เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่ใส่ใจสุขภาพ โดยล่าสุดเมื่อต้นเดือนก.ย.ที่ผ่านมาได้ออกสินค้าใหม่ สาหร่ายเทมปุระไข่เค็ม ภายใต้สโลแกน ‘ความอร่อยระดับพรีเมี่ยม’ เข้าเสริมทัพผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทฯ โดยได้เริ่มวางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ พร้อมเตรียมแผนขยายร้าน “เถ้าแก่น้อยแลนด์” ตามจุดท่องเที่ยวสำคัญ โดยคาดว่าสิ้นปีจะมีสาขารวมทั้งสิ้น 20 สาขา

ด้านตลาดต่างประเทศ บริษัทฯได้ทำการเปิดสำนักงานสาขาเซี่ยงไฮ้ เพื่อรองรับการทำกิจกรรมการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ผ่านสื่อโซเชียล รวมถึงการเปิด Official Account บนเว็บไซต์ อาทิเช่น Tmall, Taobao, Alibaba เพื่อให้สอดรับพฤติกรรมผู้บริโภคชาวจีนที่ซื้อสินค้าผ่านช่องทางนี้เพิ่มขึ้น รวมถึงการบุกตลาดอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดขนมขบเคี้ยวที่ใหญ่ที่สุดของโลก

ล่าสุดได้เปิดตัวแบรนด์ใหม่ “Nora” Seaweed Snack อย่างเป็นทางการ ในงาน Natural Foods Expo East trade show ที่ Baltimore รัฐแมรี่แลนด์ สหรัฐอเมริกา โดยผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวภายใต้แบรนด์ Nora ได้แก่ สาหร่ายทอดรสคลาสสิค, สาหร่ายเทมปุระรสคลาสสิคและรสเผ็ด และสาหร่ายอบรสพิเศษ (Flavors of the World) ได้แก่ รส Siam Sea Salt, Vietnamese Pho และ Japanese Curry ชูจุดเด่นเป็นสินค้าพรีเมี่ยม ปลอด GMO, ผงชูรส และสารปรุงแต่งสังเคราะห์ ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์สาหร่าย Nora by Taokaenoi จะเริ่มจำหน่ายผ่านช่องทาง Online บนเวปไซต์อเมซอน และเริ่มจำหน่ายในเมืองนิวยอร์ค ก่อนขยายไปยังเมืองอื่นๆ ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป”

ทั้งนี้ ยอดขายครึ่งปีแรกของเถ้าแก่น้อยรวมทั้งสิ้น 2,682 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 15 โดยมีสัดส่วนการขายจากตลาดในประเทศร้อยละ 41 และตลาดต่างประเทศร้อยละ 59 โดยตลาดจีนเป็นตลาดหลัก